2014 ปีแห่ง Make THE Difference ของผม
ปี 2014 หรือ 2557 กำลังจะผ่านพ้นไป ถือว่าปีนี้ เป็นปีที่ดุและโหดมากสำหรับผม เพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจ การเมือง ของแพง ทำให้เราต้องปรับตัว มีการเปลี่ยนแปลงในหน้าที่การงาน มีการปรับตัวและปรับพฤติกรรมหลายๆอย่างเพื่อความอยู่รอด (ของมนุษย์เงินเดือน)
ปีนี้ ผมมีความสุข กับการท่องเที่ยวกับครอบครัว ผมทำฝันให้เป็นจริง คือการได้เที่ยวพร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก พาครอบครัวไปเที่ยว มันคือความสุข ที่เราคิดและตกลงกันปีก่อนว่า เราจะไม่กินหรู จากเมื่อก่อนที่กินอาหารมื้อละ 1 – 1.5 พันบาท สะสมแต้มใบเสร็จซะจนอ้วนท้วน เปลี่ยนมาเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศ ปีนี้ไป 4 ประเทศ มกราคม หัวหิน ต้นมีนาคม กาญจนบุรี มีนาคม ฮ่องกง เมษายน เมดาน อินโดฯ กรกฎาคม สิงคโปร์ (พักย่าน Little India) ตุลาคม เวียดนาม (โฮจิมินห์) การท่องเที่ยวทำให้เราได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน เพราะผมเป็นคนที่ทำงานออนไลน์ ดูแล Social Media เขียนข่าว เขียน Blog มองหน้าจอตลอดเวลา อยู่กับคอมและมือถือตลอดเวลา ทำให้เรามีกิจกรรมออกไปข้างนอก เปิดหูเปิดตามากกว่ามองจอมือถือ
งดการมองหน้าจอมือถือลง
ปีนี้ ผมเริ่มงดการมองหน้าจอมือถือ โดยสารรถไฟฟ้า BTS ขาไปทำงาน ไม่กดมือถือ ไม่มองจอมือถือ แต่ทำได้ยาก เพราะระหว่างทาง BTS ตลาดพลู – สยาม ไม่มองจอมือถือ แต่จากสยาม – อโศก และรถไฟฟ้าใต้ดิน สุขุวิท – พระราม 9 อันนี้มีหยิบมือถือขึ้นมาดูบ้าง ยิ่งขากลับ กดมือถือตลอด ถ้าจะไม่กดมือถือคือ “หลับบนรถไฟฟ้า มีวิธีเดียว ฮา” แต่บางช่วงเวลาก็พยายามจะไม่กดมือถือ แล้วก็อีกนิสัยที่ยังแก้ไม่หายคือ กดมือถือในห้องน้ำ ทำให้เข้าห้องน้ำนาน อันนี้จะพยายามปรับปรุง T_T
แต่สิ่งที่ผมทำได้ในปีนี้คือ ไม่กดมือถือระหว่างขึ้น – ลงบันได และบันไดเลื่อน ไม่กดมือถือระหว่างเข้า และออก ประตูรถไฟฟ้า เพราะคนก็แน่นอยู่แล้ว เดินเข้าไปชิดในแล้วค่อยกดมือถือก็ได้ ผมเห็นหลายคน เดินไป กดไป ตอนขึ้นลงบันได อันนั้นไม่เท่าไหร ตอนเข้าออกรถไฟฟ้ายังกด แทนที่จะรีบๆเดินเข้าออกให้พ้นการกีดขวาง อันนี้อยากให้ช่วยกันนะครับ
หน้าที่การงานที่เปลี่ยนแปลงไป
ทำให้เราตระหนักว่า ไม่มีอะไรแน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงได้ ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่การงานในครึ่งปีหลัง ที่เรียกได้ว่า งานหนัก รับผิดชอบเยอะขึ้น มีเหนื่อย มีท้อ มีโมเม้นต์แบบแย่ๆ แต่ก็ผ่านมันไปได้ และทำให้เราได้เรียนรู้อะไรเยอะขึ้น การเปลี่ยนแปลงหน้าที่การงาน อาจจะทำให้เราแกร่งขึ้น เก่งขึ้น เพราะได้ทำงานกับคนเก่งๆ หน้าที่รับผิดชอบมากขึ้น หนักขึ้น ดึกขึ้น เหนื่อยขึ้น แต่เราก็พยายามทำให้เต็มที่ ขอบคุณกำลังใจจากภรรยาและลูก รวมทั้งครอบครัวด้วย
ออกกำลังกาย Make THE Difference เปลี่ยนชีวิต
หลังจากที่ปีก่อน ได้ปลูกผม ปีนี้ ขอบคุณโครงการ Make THE Difference ที่ทำให้ผมได้ปรับมุมมอง Make THE Difference กล้าที่จะเปลี่ยน ผมกล้า กล้าที่จะออกกำลังกาย แล้วมันก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า การออกกำลังกาย นั้นง่ายกว่าการควบคุมอาหารเสียอีก #ห๊ะ
ผมไม่ได้ออกกำลังกายเลย หลังเข้าฟิตเนสเมื่อปี 55 เพราะข้ออ้างว่า งานเยอะ งานหนัก ทั้งข่าว บล็อก งานประจำ แต่ปีนี้ ผมจะไม่ยอมให้ข้ออ้างต่างๆ มาทำลายความตั้งใจของผมในการออกกำลังกายอีกแล้ว
จุดเริ่มต้นของการออกกำลังกาย
ผมมีอาการเหนื่อย หอบ ขึ้นบันได เหนือย รู้สึกว่าห่วงยางรอบพุงขยายขึ้น อ้วน เผละ และแก่ (คำหลังนี่หนักกว่าคำว่าอ้วนซะอีก) ทำให้ผมเริ่มการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง เข้าฟิตเนสที่ออฟฟิศ เป็นสวัสดิการ ปีละ 20 บาท ในช่วงเดือนพฤษภาคม เล่นได้ไม่กี่วัน ก็เกิดรัฐประหาร ทำให้ฟิตเนสปิดชั่วคราว เพราะบริษัทเอื้อเฟื้อเป็นที่พักพิงของเจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำการ (ช่วงนั้นนั้นมีเคอร์ฟิว ก่อน 4 ทุ่ม ทำให้ต้องใช้ฟิตเนสเป็นพื้นที่นอนสำหรับทหาร) เอาวะ การออกกำลังกายต้องไม่ถูกขัดขวาง ต้องไม่มีข้ออ้าง ทำให้ผมเริ่มออกกำลังกายโปรแกรม T25 ประมาณเดือนกว่า เพราะสามารถออกกำลังกายที่บ้านได้ นี่คือจุดเริ่มต้น ที่นี้ T25 มันก็สนุกแหล่ะ แต่ด้วยความที่งานประจำ มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เราเริ่มเบื่อห้องสี่เหลี่ยม อยากออกไปมองโลกภายนอกบ้าง มองต้นไม้ ธรรมชาติ ทำให้ผมเริ่มวิ่งที่สวนลุม สูดอากาศบริสุทธิ์ อย่างที่บอกคือ ใครใช้คอมมากๆ มองหน้าจอมากๆ อ้อ ปีนี้เป็นปีที่ทำงานผ่าน LINE บ่อยที่สุด หัวหน้าสั่งงานผ่าน LINE คุยงานผ่าน LINE ตลอดเวลา ดังนั้นการวิ่ง ทำให้เราลดการมองหน้าจอ พักสายตา และยังได้วิ่งมองสิ่งแวดล้อมรอบตัว ผมเริ่มสมัครเข้าร่วมวิ่งในงานวิ่งการกุศลต่างๆ ไม่ได้หวังจะวิ่งอะไร อยากออกกำลังกาย อยากทำบุญ ช่วยการกุศล เอาเหงื่อแลกบุญ
ล่าสุดผมไปงานของ AZAY1DigiMkt ทำให้รู้ว่า เพื่อนๆในงาน คุยกับผม 2 เรื่องคือ วิ่ง และปลูกผม Make THE Difference เปลี่ยนชีวิตผมจริงๆ ขอบคุณที่ชวนผมเข้าร่วมโครงการครับ ตอนแรกเป็นเพียงการเขียนบทความสร้างแรงบันดาลใจ และตั้งเป้าหมาย แต่เรานำเป้าหมายนั้นมาใช้จริง ทำให้ถึงเป้าหมายจริงๆ เพราะเราอยากมีสุขภาพ ร่างกายแข็งแรง อยู่กับลูกและภรรยาไปนานๆ ที่สำคัญ อายุเยอะแล้ว ไม่อยากแก่ครับ
สำหรับปีหน้าของผม หวังว่า การปรับตัวในการทำงานจะดีขึ้น คล่องตัวมากขึ้น เรื่องสุขภาพต้องดีขึ้น พักผ่อนมากขึ้น ปีหน้าผมตั้งเป้าเรื่องสุขภาพ การท่องเที่ยว การวิ่งครับ
ขอบคุณทุก Agency / PR / Brand ต่างๆที่เอ็นดูผมมาตลอดปี ขอบคุณทุกโอกาสที่มอบให้ ขอบคุณเฮียโก๋ แห่ง ADSLThailand ขอบคุณ คุณแบ้งค์ แห่ง Gplay.in.th และโอกาสในการเขียนคอลัมน์ Notebook Plus ที่เคยทำในปีนี้ครับ (ตอนนี้ไม่ได้ทำมาหลายเดือนแล้ว) และขอบคุณพี่เอิ้นแห่ง IT24hrs.com ที่เอ็นดูมาโดยตลอด สวัสดีปีใหม่ครับ