[บันทึก] ประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก #Japan1stTime (ตอนที่ 1)

ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ผมใฝ่ฝัน อยากมาเที่ยวมากๆ และฝันก็เป็นจริง หลังวนไปเที่ยวฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ ไต้หวัน อยู่หลายปี การมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของผม ก็เลยเลือกมาเที่ยวโอซาก้า ที่เรียกได้ว่า มาแล้วประทับใจในท้องถิ่นมากๆ

การมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของผม จึงเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความตื่ืนเต้น เพราะเป็นประเทศที่อยากไปมากๆ ไปมาเก๊า ฮ่องกง ยังไม่ตื่นเต้นขนาดนี้ เราอยากมาเที่ยวมากๆ และเป็นเช่นเดียวกับทุกครั้งคือการเที่ยวกับครอบครัวด้วยตนเอง 14 – 23 มีนาคม 2561

สิ่งที่เราประทับใจในการมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก หลังเท้าแตะสนามบินคันไซก็คือ มารยาท และความนอบน้อมของพนักงานกระเป๋าและพนักงานดูแลรถ Airport Limousine Bus ที่บอกเราตั้งแต่ต่อแถวว่า ตอนนี้ที่นั่งเหลือตรงกลาง แคบมาก ยินดีไหมที่จะนั่ง ตอนแรกคนดูแลรถบอกรอบนึง แล้วคนจัดกระเป๋าใต้ท้องรถบอกอีกรอบนึง เราประทับใจมากๆ เพราะเอาเข้าจริง ที่นั่งเสริมตรงกลางแคบ ใส่เข็มขัดก็ต้องนั่งนิ่งๆ แต่เราก็ยินดีเพราะเขาบอกเราล่วงหน้าก่อนแล้ว

ขอออกตัวก่อนว่า บล็อกนี้เป็นบันทึกประสบการณ์ โดยจะแนะนำการเตรียมตัวในบางอย่าง แต่ไม่ใช่ว่าผมจะพาเที่ยวหรือนำเที่ยว เพราะเราก็เรียนรู้กันไป ตั้งแต่การเดินทางโดย Subway, JR ใช้บัตร Osaka Amazing Pass ใช้บัตร Kansai Thru Pass

เราเลือกมาเที่ยวโอซาก้าเป็นครั้งแรกของการเที่ยวญี่ปุ่น คือคิดถูกมากๆ เพราะมีความประทับใจ และเราได้รับการทักท้วงมาก่อนแล้วว่า เดินเยอะนะ ซึ่งเราเคยไปฮ่องกง มาเก๊า ก็เดินเยอะมาก แต่โอซาก้านี่ก็เดินเยอะมากๆจริงๆ วันนึงร่วมๆ 2 – 3 หมื่นก้าว ไป 10 วันก็เกินแสนก้าวแหล่ะ

Blog นี้ไม่ได้นำเที่ยว (และคิดว่าผมคงไม่ได้เก่งพอที่จะพาเที่ยวได้) แต่ขอบันทึกเป็น Diary ซึ่งภรรยาโพสต์ภาพไว้บนอัลบั้มบน Facebook ครับ เราก็เลยมาลำดับเหตุการณ์กันว่าเราไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง

ทริปนี้ถือเป็นทริปที่เตรียมการล่วงหน้านานที่สุด จองตั๋วเครื่องบิน Scoot ตั้งแต่ปีที่แล้ว (ล่วงหน้านานมาก) ได้เครื่อง Boeing: 787 Dreamliner ที่นั่ง 3 – 3 – 3 นั่งสบาย เหยียดขาได้ไม่อึดอัด พนักงานเช็กอินเลือกที่นั่งให้เรานั่ง 3 คนริมหน้าต่าง

ไฟลท์เราบิน 9.30น. ก็จริง แต่เราไปถึงสนามบินดอนเมืองตั้งแต่ 6 โมงเช้า คือคิดถูกมากที่มาเช้ามาก เพราะแค่ลำพังต่อแถวเช็กอิน ก็ปาไปเป็นชั่วโมงแล้วเพราะผู้โดยสารเยอะมากๆ แถวเช็กอิน Roll ของ Scoot คนเยอะมากๆ ต้องเผื่อเวลาไว้เยอะๆ เลยครับ เพราะเครื่องใหญ่ด้วยแหล่ะ ส่วนขากลับ เราเช็กเอ้าท์ 11 โมง แล้วออกมาสนามบินเลย ถึงสนามบินบ่าย 2 นี่คือ บ่าย 3 ครึ่งเพิ่งเช็กอินเสร็จ แถวยาวมากๆ อันนี้อยากเตือนให้เผื่อเวลาเยอะมากๆ ครับ เราเผื่อเวลาทั้งเที่ยวไปและกลับ ขาไป เครื่องออก 9.30 ไปถึงสนามบิน 6 โมงเช้า ขากลับ เครื่องออก 5 โมงครึ่งตอนเย็น เราไปถึงตั้งแต่บ่าย 2 นี่ยังรอแถวเช็กอินยาวมากๆ

เราพักย่าน AIKAWA มีรถไฟฟ้าเข้าถึง ลงจากสถานีก็กดชาเชียวก่อนเลย นี่คือเครื่องดื่มแรกที่โอซาก้า แล้วเดินไปห้องพัก อากาศวันแรกที่ไปถึง 10 องศา คือเสื้อผ้าที่เตรียมมา ลองจอน เสื้่อหนาว ครบนะ  แต่หนาวหน้า คือต้องใส่หมวกปิดหูและใส่มาร์คหน้ากากปิดหน้ากันลมหนาวตีหน้า

การแต่งตัวนี่ใส่ 3 ชั้นนะครับ คือ 1) กางเกงลองจอน เสื้อลองจอน 2) เสื้อยืด 3) เสื้อกันหนาว แต่เอาจริงๆ ที่หนาวคือหน้าครับ ถุุงมือก็ต้องใส่นะ มาร์คหน้าใส่ไว้กันลม ตอนแรก ก่อนจะมาก็นึกไม่ออกว่า 4 – 8 องศาเป๋็นยังไง คือแบบจินตนาการไม่ออก แต่พอมาได้สัมผัสอากาศหนาวจริงๆ นี่แบบ รู้เลย เตรียมชุดพร้อม แต่หน้า ต้องพร้อมด้วย หมวกฮูดช่วยได้ แต่หน้ากากมาร์คปิดจมูก ปิดปาก คือต้องมี ถุงมือเรามีอยู่แล้ว ไม่งั้นมือเย็น มือแข็ง

ทริปนี้เราพักกับโฮสที่น่ารักมากๆ ของ AirBNB เป็นครั้งแรกที่พักกับ AirBNB เลย ประสบใจมาก โฮทดูแลดีมากๆ (ไม่ได้เจอหน้ากัน) แต่คิดว่าจะกลับมาอีก และไปที่ไหนของโฮสนี้ก็จะตามไป

ชอบห้องเป็นอพาร์ตเมนท์ริมน้ำ วิวดี ในห้องมีทุกอย่างครบ เราจึงเลือกห้องนี้ มีเครื่องครัว มีเครื่องซักผ้า ชอบเตียงลอยชั้นบนที่ปรับระดับได้

หลังจากเดินทางมาทั้งวัน 9.35น. (กว่าเครื่องจะออกก็ 10 โมง) – 16:45น. นั่งรถจากสนามบินคันไซมาที่ Umeda ก็ค่ำแล้ว รีบเข้าที่พัก ที่พักเราอยู่ตรงสถานี AIKAWA เลย ออกมาปุ๊บ เจอร้านทาโกะทันที เอาของกลับที่พักก่อน แล้วเดินออกมาซื้อทาโกะ นี่คือมื้อแรกที่ญี่ปุ่น

ดังนั้น มื้อแรกที่ญี่ปุ่นคือ Takoyaki ชีส จากร้านข้างบน 6 ลูก 330 เยน และบะหมี่เย็น (Family Mart) อาหาร ดูใน Vlog เลยครับ

ปิดท้ายวันแรกด้วยวิวจากที่พัก อากาศ 15 องศา สบายๆ แต่ลมนี่พัดมาที หนาวมาก ดีที่ห้องมีฮีทเตอร์ และเครื่องทำน้ำอุ่นใช้แก๊ส

DAY 2

ตื่นมา อากาศสดชื่น เลยออกไปถ่ายรูปตรงระเบียง มีรถไฟผ่านด้วยนะ

เดินไปซื้อของกินที่ Family Mart มื้อเช้า อากาศเช้านี้ 11 องศา

กินเสร็จ ก็ขอชาร์จแบตตัวเองหลังเดินทางทั้งวันเมื่อวานนี้ ก็หลับต่อสิคร้าบบบบ

ตอนบ่ายๆ หลังนอนหลับชาร์จแบตเต็มที่แล้ว ก็ออกมาเดินย่าน Namba เราชอบย่านนี้มากๆ แต่ไม่ได้กินปูยักษ์นะ ชอบกินร้านซูชิ 130 เยน เดี๋ยวมีรูปให้ดูบล็อกตอนถัดไป

แล้วก็ไป Dotonbori (Osaka) ถ่ายรูป แล้วก็หาข้าวกิน

เรามาทานเกี๊ยวซ่าและข้าวหน้าเนื้อที่ร้าน 大阪王将 道頓堀本店 ใครอยากตามไป เข้าไปดูที่เว็บ

ร้านนี้ ข้าวผัดก็อร่อย เกี๊่ยวซ่าคือดีงาม ข้าวหน้าเนื้อคือต้องโดน อุด้งน้ำซุปอร่อย และพบว่านลินใช้ตะเกียบคีบเส้นเก่งมาก

ต่อด้วยพุดดิ้ง gansopurinya

การเดินทางที่นี่ เราใช้รถไฟเป็นหลัก นลินวัย 5.8 ขวบ เดินทางกับเราสนุกมาก หลับบ้าง เหนื่อยบ้าง หนาว ก็สู้

ฝาท่อ ถือเป็น Landmark เลยล่ะครับ

คั่นนิดนึง

ตัวช่วยของทริปญี่ปุ่นทริปแรกของผมคือ Google Translate ครับ ส่องแล้วเอานิ้วถูลากตรงคำที่อยากรู้ แปลภาษาอังกฤษพอเข้าใจได้

ผมคิดว่า การมาเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเองเนี่ย ไม่ยากนะ คือปกติ ในการเดินทาง และใช้ชีวิตปกติ ภาษาญี่ปุ่นเราแปลได้จากรูปภาพ การ์ตูน จากบริบทไง แต่ว่าบางสถานการณ์จำเป็นต้องใช้ก็ควักขึึ้นมาช่วย (ต้องต่อเน็ต) จริงๆ มันมีให้โหลดแบบ Offline นะ แต่ทำไมโหลดแล้ว พอใช้จริง มันฟ้องขอต่อเน็ต วิธีการง่ายมาก ถ่ายรูปสิ่งที่อยากรู้ แล้วเอานิ้วลากตัวอักษรบนภาพได้เลย

และแล้วคืนนั้น ก็เสร็จ ABC Mart แล้วก็ใส่เที่ยวเลย

จัดมาแล้ว กับ รองเท้า Mega NRGY X Men’s Running Shoes คือใส่สบายมากอ่ะ ดังนั้น ทริปนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 – 23 มีนาคม ผมใช้รองเท้านี้เดินทางตลอดทริป เดินเยอะมาก วันที่ 20,000 ก้าว ใส่นุ่มมากๆ

และแน่นอนว่าต้องซื้อสเปรย์กันน้ำมาด้วย ดีงามมาก ฝนตกก็ไม่หวั่นรองเท้าเปียกเลย ปกติคือไม่เคยใช้ แล้วฝนตกนี่ ถุงเท้าข้างในเปียกเลย

คั่นด้วยไอเท็มที่ต้องมีสำหรับอากาศแบบนี้ เพราะมาถึง เจออากาศหนาว นอนไม่พอ นี่ปวดหัวตั้งแต่วันแรก วันที่ 2 ของทริปก็ปวดหัว เลยซื้อยามากินตามคำแนะนำของเพื่อนภรรยาที่ทำงานที่นี่

ผ่านไป 2 วัน จาก 10 วัน ร่างแหลกมาก อ่านตอนที่ 2