วิธีสร้างความสุข และยอมรับในการอยู่ร่วมกันในภาวะ Bangkok Shutdown

ผมยอมรับว่า ช่วงแรกๆ ที่มีข่าวว่า กปปส.จะปิดกรุงเทพในวันที่ 13 มกราคม 2557 ก็กังวลในการเดินทาง หากเป็นเมื่อก่อนในปี 53 ผมคนบ่น ด่า ไปตามกระแส ว่าเดือดร้อน ไม่สะดวกสบาย แต่สำหรับในปีนี้ ผมทำงานที่บ้านในวันที่ 13 มกราคม และดูท่าทีว่าวันอื่นๆ สถานการณ์จะเป็นอย่างไร ในทันทีที่ กปปส.ประกาศว่า จะชุมนุมต่อเนื่อง ไม่ชนะ ไม่เลิก ผมก็คิดทบทวนว่า เราจะยอมรับในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เราจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้อย่างไร

ความสุขนั้น อยู่ที่ใจเรา ความทุกข์ ก็เกิดจากใจเราเช่นกัน ในเมื่อเหตุการณ์ Bangkok Shutdown ส่อเค้าจะเนิ่นนานไม่มีหยุดแน่ๆ และคำว่า ไม่ชนะ ไม่เลิก ผมไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมลาออกแน่ๆ ดังนั้น ยาวไป ที่นี้ เราจะอยู่กับมันได้อย่างไร ในเมื่อเราต้องทำงาน หาเลี้ยงครอบครัว เรามีภรรยาและลูกต้องดูแล เราจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ การโวยวาย ด่าท่อ ไม่ได้มีประโยชน์อะไร กลับแต่สร้างความเกลียดชัง เรามามองวิธีหาความสุขดีไหม โชคดีที่ที่ทำงานผมเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดินได้ ส่วนคอนโดก็ใกล้รถไฟฟ้า แถมอยู่ฝั่งธน ที่สะดวกในการเดินทาง วันที่ 14 มกราคม ผมเดินทางไปทำงานตามปกติ แต่เปลี่ยนไปลงสีลม แทนต่อรถที่สยาม ได้เดินผ่านเวทีการชุมนุมสีลม สวนลุม เรารู้สึกอยากจะเรียนรู้เขา เราอยากจะอยู่ร่วมกับเขา เขาไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อน อาจจะเป็นได้ว่าเราไม่มีรถให้กังวลว่าจะขับไปเส้นทางไหน จอดรถตรงไหน เราคล่องตัวในการทำงาน เพียงแต่ซื้อบัตรรถไฟฟ้าไว้เพื่อให้สะดวกในการเดินทาง ไม่ต้องต่อคิวยาวซื้อตั๋วรายเที่ยว

การที่ กปปส. จัดเวทีชุมนุม 7 แห่ง ผมมองว่าเป็นการสัญจรให้คนทำงาน เดินมาร่วมชุมนุมได้ในช่วงพักกลางวัน และเดินทางไปชุมนุมได้ในช่วงกลางคืน เช้าก็ไปทำงานตามปกติ โดยไม่ต้องลางาน ดีซะอีกที่มีเวทีใกล้ที่ทำงาน เราคิดบวก เราคิดในแง่ดี เราก็มีความสุข ขอเพียงเรายอมรับในสิ่งที่มันเกิดขึ้น การด่าท่อ เสียดสี ประชดประชัน ไม่ได้ช่วยอะไร เราใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่า เพราะยังไงกรุงเทพก็ถูกปิด บ่นไปกรุงเทพก็ไม่ได้เปิดให้เรา บ่นไป ด่าไป ฝั่งโน้นก็ไม่ได้ลาออก และเชื่อว่าไม่ลาออกแน่ๆ เราเรียนรู้ที่จะยอมรับและอยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด แต่ละคนมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไปตามหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด บางคนอาจจะดูทีวีอยู่ที่บ้าน และขอบคุณ กปปส.ที่ทำให้ผมได้ทำงานที่บ้าน 1 วัน เป็นวันที่ได้อยู่กับลูก กอดลูก เล่นกับลูก มีความสุขที่สุด บอกแล้วว่า ความสุข ความทุกข์ อยู่ที่ใจเรา ขอบคุณภรรยาและพ่อตา แม่ยาย ที่สอนให้เรารู้จักที่จะเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเป็นจริง กรุงเทพปิด ไม่ใช่ปัญหา ดีซะอีกที่การเป็นคนกรุงเทพ ทำให้เราปรับตัวง่าย เพราะผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ท้าทาย ผจญภัยแค่ไหน เราก็เอาตัวรอดได้ และอยู่กับมันได้

ปี 2553 ผมเป็นกลุ่มคนที่ไป Big Cleaning Day ที่ราชประสงค์ แต่เราช่วยกันล้างกรุงเทพของเราให้สะอาด ชมภาพ และเคยบริจาคเลือดเพื่อช่วยเลือดขาดคลานในช่วงชุมนุมปี 53 ชมภาพ

สุดท้าย ผมชอบคำพูดติดปากของคุณสรยุทธ์ เวลารายงานข่าวเหตุการณ์อะไรก็ตาม เขาจะบอกว่า “ชีวิตต้องดำเนินต่อไป” ผมเห็นด้วยนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่ามัวโวยวาย ตีโพยตีพาย สับสน มึนงง จนทำอะไรไม่ถูก บ้าอยู่อย่างนั้น สู้มาหาทางออกเพื่อชีวิตเราดำเนินต่อไปจะดีกว่า เรามีความสุขก็เพราะใจเรา เรามีความทุกข์ก็เพราะใจเรา

สำหรับผม Bangkok Shutdown คือ LifeStyle แบบใหม่ของคนกรุงเทพที่จะต้องปรับตัวและอยู่กับมันให้ได้