HTML5 พลิกโฉมการแสดงผลบนโลกการตลาดออนไลน์

ในมุมของการตลาดโดยเฉพาะช่องทางออนไลน์นั้น การมาของเทคโนโลยี HTML5 นั้นมีผลกระทบที่เยอะมาก จริงๆจะว่าไปแล้ว การแสดงผลบนเว็บนั้น ไม่ได้รับการพัฒนามานานแล้ว ตั้งแต่เราใช้ Notepadเขียนโค้ด การใช้โปรแกรมสำเร็จรูป Dreamweaver, FrontPage หรือโปรแกรมอื่นๆ รวมทั้งการใช้ CSS Style Sheet ในการควบคุมการแสดงผลตัวอักษร จนมาถึงยุคที่ มีโฆษณาบนอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อออนไลน์ เริ่มมีการใช้ Macromedia Flash ที่ภายหลังเป็นของ Adobe มาช่วยในการแสดงผล เกิดป้ายแบนเนอร์โฆษณาขึ้นมาทำเงินในการทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ เรามาดูกันว่า อินเทอร์เน็ตกับการตลาด การโฆษณา เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

เทคโนโลยีการแสดงผลบนเว็บไซต์ เกี่ยวข้องกับการตลาดอย่างไร

ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า การแสดงผลบนเว็บไซต์นั้น จะต้องใช้ Browser (บราวเซอร์) ในการแสดงผล จะเป็นการแปลงค่าหรือถอดรหัส จากภาษา HTML โดยมีการคลุมด้วย CSS StyleSheet เพื่อการแสดงผลบนหน้าเว็บไซต์ แต่มันมีเรื่องที่ซับซ้อนกว่านั้นก็คือ ในคอมพิวเตอร์ เราก็มีหลายระบบปฏิบัติการ ตั้งแต่ Windows 95 กับ Internet Explorer 4, Windows 98 กับ Internet Explorer 5 , Internet Explorer 5.5 จนมาถึง Windows XP กับ Internet Explorer 6 ซึ่งปัจจุบันไม่รองรับการแสดงผลหลายๆอย่าง เพราะตัวบราวเซอร์ไม่สนับสนุนและรองรับการแสดงผล ทางออกคือ ต้องติดตั้งปลั๊กอิน Flash Player เพื่อการแสดงผล Flash Animation บนเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลด Mozilla Firefox เพื่อแสดงผลได้ดีกว่า Internet Explorer 6 ดังนั้นจึงเป็นทางตันของเทคโนโลยี หากนักการตลาดต้องการที่จะสร้างเว็บไซต์ออนไลน์ในปัจจุบันซึ่งบราวเซอร์ตัวเก่าไม่รองรับในการแสดงผลได้อย่างถูกต้อง นี่คือคำตอบว่าทำไมนักการตลาดออนไลน์จึงต้องเข้าใจและติดตามเทคโนโลยีของบราวเซอร์ด้วย

หลายๆคนอาจจะเคยเจอปัญหาโหลดเว็บไม่ขึ้น ค้าง แฮ้งค์ เพราะสคริปต์ของการรัน Flash การจัดการทรัพยากรของซีพียู กราฟิก มาตั้งแต่ Internet Explorer 6 จนหลายคนเลิกใช้ไป ตอนนี้ IE7. IE8 รองรับการแสดงผลเว็บไซต์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ดังนั้น HTML5 ที่จะมาพร้อมกับ Internet Explorer 9 ตัวใหม่ รวมทั้ง Google Chrome และ Safari จาก Apple

ถามว่าทำไมเรื่องเทคนิคแบบนี้ นักการตลาดต้องรู้ เข้าใจ และนำไปพัฒนาต่อได้ เหตุผลก็เป็นเพราะ เราจะต้องคิดต่อยอดได้เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพราะหากเป็นการแสดงผลบนคอมพิวเตอร์อย่างเดียวอย่างสมัยก่อน ก็คงไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ มีการแสดงผล การใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งบนคอมพิวเตอร์พีซี โน้ตบุ๊คจอ Wide Screen เน็ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือ iPod Touch, iPhone, iPad ซึ่งก็มีระบบที่ต่างกัน มีขนาดความละเอียดของหน้าจอที่แตกต่างกันไป มีบราวเซอร์ที่ต่างกันมาก การนำ HTML, Java Script มาใช้ การคลุมด้วย CSS Style Sheet นั้นคงไม่พอเสียแล้วกับความต้องการในปัจจุบัน แถมยังแสดงผลไม่สมบูรณ์ เพราะบางอุปกรณ์แสดงผล Flash ไม่ได้

นักการตลาดต้องรู้อะไรบ้าง ต้องรู้ว่า การแสดงผลบนเว็บไซต์นั้น ผู้ใช้มีพฤติกรรมอย่างไร ใช้อุปกรณ์อะไรแสดงผล มีขนาดการแสดงผลหน้าจออย่างไร ผู้ใช้นิยมใช้อุปกรณ์ใดในการแสดงผล มีพฤติกรรมอย่างไร จะเห็นได้ว่า หมดยุคแล้วกับการแสดงผลแบนเนอร์ Flash วิ่งไปวิ่งมา ไม่อยากคลิก ไม่สนใจ น่ารำคาญกับป๊อบอัพที่เกะกะสายตา

ทั้งหมดนี้นักการตลาดคิดได้ แต่มันไม่สะดวกสำหรับผู้บริโภค ใช้ Flash Animation สวยงาม สีสันแสบตาแทบอยากจะปิด ใช้บน iPhone แสดงผล Flash ไม่ได้ อันนี้ก็จบกัน มีป็อบอัพขึ้นมา กะให้คลิก น่าสนใจ กลับอยากจะหา x ปิดให้พ้นๆไป นี่แหละครับ พฤติกรรมผู้บริโภคที่นักการตลาดต้องเข้าใจด้วย ไม่ใช่ว่าสักแต่คิดว่ามันต้องสวยงาม เตะตา ท้ายสุดโดนปิดอย่างไม่ใยดี ทำให้ภาพลักษณ์ต่อแบรนด์แย่ลงไปด้วย

เมื่อมาตรฐานบนเว็บไซต์เปลี่ยนแปลงไป

แรกๆทุกคนใช้คอมพิวเตอร์ Windows + Internet Explorer หรือ Netscape หรือใช้ Apple iMac ทำให้การแสดงผลในเว็บไซต์ อ้างอิงบราวเซอร์เหล่านี้ ตั้งแต่จอภาพขนาด 14 นิ้วแบบ CRT จนมาถึงมาตรฐาน 17, 19 นิ้วของจอ LCD ที่แสดงผลแบบ Wide Screen ส่งผลให้เว็บไซต์ที่ได้รับการออกแบบมานานแล้ว แสดงผลแค่ตรงกลางหน้า และมีที่ว่างด้านข้างเหลือเยอะมากเพราะการเขียนโค้ดนั้นไม่ได้ครอบคลุมหน้าจอปัจจุบัน ส่วนใหญ่ยังรองรับ 1024 x 768 ซึ่งเป็นจอสมัยก่อน

ตอนนี้นักการตลาดต้องดูอะไร จอ LCD ราคาถูกลง ความละเอียดบนโน้ตบุ๊กอยู่ที่ 1280 x 600 pixels หรือ 1366 x 786 pixels กันแล้ว ยิ่งโน้ตบุ๊ตมี 14.1 15.1 16 หรือเน็ตบุ๊กมี 8, 9. 10.1, 11, 13,1 นิ้ว ต่างกันเยอะมาก ดังนั้นการออกแบบเว็บไซต์ให้แสดงผลที่ 1024 x 768 pixels นั้นก็คงไม่สามารถตอบสนองด้านการตลาดออนไลน์ในปัจจุบันได้อีกต่อไป ทั้งยังต้องคิดเผื่อไปถึงการแสดงผลบน iPod Touch, iPhone ตัวใหม่ iPad และบนโทรศัพท์มือถือ ที่คิดๆแล้วปวดหัวกับความละเอียดหน้าจอที่ไม่เหมือนกันเลยสักรุ่น มาตรฐานก็ไม่เหมือนกัน บางอุปกรณ์แสดงผล Flash ไม่ได้ บางอุปกรณ์ไม่รองรับ Java Script

จึงเป็นที่มาของ HTML 5 ที่เป็นมากกว่าการแสดงผลบนโลกออนไลน์ เพราะมันมีผลในการแสดงผลสื่อออนไลน์ด้านการตลาดเลยทีเดียว เพราะทั้ง Internet Explorer 9 Preview และ Safari ก็ออกมาพูดถึงมาตรฐานใหม่อย่าง HTML5 กัน แบบนี้นักการตลาดไม่รู้ ไม่ได้แล้ว

ลองนึกภาพตาม ว่าการตลาดของสินค้าสักชิ้น แล้วต้องการให้แสดงผลบนเว็บไซต์ ลูกค้าบอกความต้องการในการทำตลาด โดยมีการตลาดออนไลน์เป็นอีกช่องทางด้วย แต่เนื่องด้วยอุปกรณ์ในการแสดงผลเปลี่ยนไปเร็วมาก ไม่ใช่แค่บนคอมพิวเตอร์จอ 17 นิ้วมาตราฐานอีกต่อไป กลายเป็นการแสดงผลบนจอ LCD 17 นิ้ว Wide Screen บนโน้ตบุ๊ก ความละเอียด 1366 x 768 pixels ยังไม่รวม iPod Touch, iPhone, iPad และมือถืออีกหลายรุ่นที่มีขนาดหน้าจอและความละเอียดต่างกันลิบ ซ้ำยังไม่สามารถแสดงผลบน iPhone, iPad ได้ด้วย เพราะไม่รองรับการแสดงผล Flash นั่นเอง

สิ่งที่นักการตลาดต้องการคืออะไร การตอบสนองการแสดงผลวีดีโอ การแสดงผลสามมิติ HTML5 เข้ามาช่วยในการแสดงผลที่น่าตื่นเต้น บิวท์อินวีดีโอ กราฟิกสองมิติ สามมิติ ทั้งหมดนี้นักการตลาดจะต้องรวบรวมข้อมูล นักพัฒนา โปรแกรมเมอร์จะต้องเรียนรู้และศึกษาให้เข้าใจ เพราะหากทำออกมาแล้ว แสดงผลบน iPhone ไม่ได้ ก็ต้องมาแก้หรือทำใหม่เพื่อรองรับการแสดงผลบน iPhone, iPad อีกรอบ

การทำ HTML5 นั้นก็ต้องมีหลายปัจจัย ทั้ง Hardware รองรับ Browser สนับสนุน นักการตลาดต้องหาข้อมูลกลุ่มเป้าหมายแล้วล่ะ ถ้าเกิดเป็นลุงๆ ป้าๆ คนทำงานที่ใช้คอมเป็นอย่างเดียว ติดตั้งอะไรไม่เป็น ใช้แต่ IE6 ก็จะไม่สามารถชมการแสดงผลได้ การนำเสนอ การประชาสัมพันธ์ก็ตกไป ทำให้เสียกลุ่มลูกค้าไปอีก เพราะเมื่อมี HTML5 ก็เหมือนกับการบังคับกลายๆ ให้เปลี่ยนมาใช้ IE9 หรือ Safari หรือ Chrome ที่รองรับการแสดงผลได้สมบูรณ์แบบกว่า

จะว่าไปก็น่าคิด เพราะจะทำยังไงให้ทุกคนอัพเกรดบราวเซอร์เพื่อรับชมเว็บไซต์ในคอมพิวเตอร์ หากแสดงผลไม่ได้ ส่วนใหญ่ก็จะปิดหน้าเว็บนั้นไป แต่หากเป็นหนุ่มสาวออฟฟิศที่รู้เรื่องไอที ก็จะอัพเดต Flash อัพเดต Browser เพื่อรับชม

ยิ่งมี iPhone, iPad, iPod Touch เกลื่อนเมืองมากขึ้น เมื่อไม่มีการแสดงผล Flash บนอุปกรณ์ของ Apple ผู้พัฒนาจึงต้องเขียนโปรแกรมใหม่ทั้งหมดเพื่อรองรับการแสดงผลบน iPhone, BlackBerry โดยเฉพาะ ยังไม่นับรวม Android ที่อีก แถมยังมี Opera Mini เป็นบราวเซอร์บนมือถือทั่วไปด้วย จึงคาบเกี่ยวกับแอพและฮาร์ดแวร์ด้วย

อย่าง Apple เองที่พยายามสร้างมาตรฐาน HTML5 เพื่อการแสดงผลรูปภาพ การแสดงผลได้ไหลลื่น โดยไม่ต้องใช้ Flash อันนี้นักการตลาดคงจะเริ่มเห็นอนาคต หรือเห็นว่างานเข้า กับเว็บไซต์ที่เคยวางแผนการตลาดให้ เพราะต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด อย่างหน้าเว็บไซต์ของ dtac เอง ก็มีการพัฒนาให้แสดงผลบน iPhone, iPad มากขึ้น จะว่าไป เหมือนกับความพยายามให้ใช้ Safari เป็นเว็บบราวเซอร์ หรือมองหาบราวเซอร์อื่นที่สนับสนุน HTML5 นี่คือคำตอบว่าทำไมตอนนี้ หลายๆคนติดตั้งทั้ง Firefox, Opera, Chrome, Flock ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่มีครอบครอง เพราะมาตรฐานมันเยอะมาก จนการแสดงผลไม่สมบูรณ์ ต้องมีหลายเบราเซอร์ช่วยในการแสดงผล

ส่งท้าย

บทสรุปของนักการตลาดที่ต้องรู้เทคโนโลยี เพราะการแสดงผล Flash นั้น ดันแสดงผลบน iPhone, iPad, iPod Touch ไม่ได้ เอาล่ะสิ ยิ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีผู้ใช้งานระดับต้นๆของโลกซะด้วย ดังนั้น HTML5 จึงมาเป็นทางเลือกสำหรับการแสดงผลบนอุปกรณ์ของ Apple และทุกๆอุปกรณ์ด้วย ซึ่งจะเรียกว่าแก้ปัญหาเล่น Flash ไม่ได้ ก็คงไม่ใช่ เพราะเป็นการรนหาทางออกซะมากกว่าเพราะ Adobe ก็เจ้าแห่งมาตรฐาน Flash ซะด้วย

ต่อไปเมื่อนักการตลาดจะวางแผนการตลาด อาจจะต้องมองสื่อออนไลน์ รวมทั้งเว็บไซต์ต่างๆ กับการแสดงผลในอนาคตด้วย ไม่ใช่แค่มองราคาป้ายแบนเนอร์ กิจกรรม หรือ Social Media อย่างในปัจจุบัน เพราะต่อไปตัวเลข UIP อาจจะไม่สำคัญเท่ากับ การแสดงผลได้ในทุกอุปกรณ์ หากเปิดเข้าไปแล้วแสดงผลไม่ได้ คำตอบสุดท้ายก็คือ x ปิดหน้าจอไปในทันที เพราะพฤติกรรมผู้ใช้ จะไม่อัพเกรดหรือดิ้นรนใดๆ ทียุ่งยากลำบากหากไม่จำเป็นจริงๆ

มองอนาคตต่อไป HTML5 ทางเลือกใหม่ แต่ก็ไม่ได้ฆ่า Flash เพราะหากทุกๆอุปกรณ์ใช้งานได้เหมือนกันหมด มันก็คงจะตอบโจทย์การตลาดออนไลน์ที่สมบูรณ์ในทุกอุปกรณ์ได้

โดย @yokekung