10 คำแนะนำเกี่ยวกับการอพยพ และการกักตุนสินค้าในช่วงภาวะวิกฤต
ผมได้เป็นผู้อพยพไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากน้ำท่วมบ้าน จึงขอแนะนำ 10 ความเห็นที่เกี่ยวกับการอพยพ และการกักตุนสินค้าในช่วงวิกฤตครับ
1) การรับข่าว เสพข่าว ทำให้เราเครียด การสร้างความกลัวการอดอยาก ถูกตัดน้ำตัดไฟ มันดูน่ากลัว ด้วยความไม่รู้ และความเชื่อเดิมๆ เราจึงเน้นกักตุนอาหาร ทำให้ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ ขาดแคลนอาหารอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต ทุกคนกักตุน ข้าวกล่อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม ทำให้ขาดแคลน ซึ่งคิดผิด ผมได้คุยกับน้องชาย เป็นอาจารย์สอน นักศึกษาแพทย์ ได้แนะนำว่า ควรกักตุน น้ำอัดลม ที่มีความหวาน ช็อกโกแล็ต ขนมขบเคี้ยว บิสกิต อาหารที่ให้ความหวาน ไม่ต้องไปมองหา Low Fat เพราะไม่ช่วยให้เราได้รับสารอาหารเพียงพอ ไอ้พวก Low Fat อย่าไปกักตุน ไม่มีประโยชน์ ในยามวิกฤต ช็อกโกแล็ตให้ความหวาน ได้พลังงานเยอะ หลายคนกลัวอ้วน พวกถั่วก็ตุนไว้ได้ แต่เดี๋ยวก่อน ที่กักตุนไว้ นี่คือกักตุนไว้กินตอนไหน ตอนน้ำท่วม หรือตอนเฝ้ารอน้ำท่วม เพราะผมเอง ก็ตุนไว้ กินจนหมด แล้วน้ำยังไม่ท่วมก็ออกไปซื้อใหม่ สุดท้ายพออพยพจริงๆ อาหารที่ตุนไว้มากมาย เอาไปที่พักพิงใหม่ ไม่หมดหรอกครับ
2) ต้องพิจารณาว่า อาการที่เรากักตุน เราจะอพยพ ไปอยู่ที่ไหน อย่างตอนแรกที่คิดไว้คือ ศูนย์อพยพ แน่นอนว่า แออัด คนเยอะ ต้องระวังของหาย คนร้อยพ่อพันแม่ เอาจริงๆ แล้วเราไม่สามารถจะเอาอาหารที่เรากักตุนไว้เป็นรถเข็นๆ ไปที่ศูนย์อพยพได้เลย เพราะการเดินลุยน้ำออกจากบ้านมา (ตั้งแต่ยังพอลุยน้ำได้) มันเหนื่อยมากและใช้เวลาในการเดินทางมากกว่าปกติ การที่จะคิดว่ากักตุนสินค้าไว้เยอะๆ อพยพก็็เอาอาหารไปด้วย คิดผิด เพราะเอาเข้าจริงๆ ผมอพยพออกมา แทบจะเอาอะไรออกมาไม่ได้เลย เหตุเพราะ รถเข้าไปไม่ถึงตัวบ้าน ในหมู่บ้านน้ำท่วมสูงแล้ว ดังนั้น จึงจะต้องมีเฉพาะของใ้ช้ที่จำเป็นเท่านั้น
3) การอพยพ ไม่ใช่การจัดกระเป๋าไปต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ การอพยพ คือการย้ายที่อยู่อาศัย ตรงนี้ผมก็คาดเดาผิดไป เอามาแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุด รองเท้าแตะเพราะต้องลุยน้ำ แต่พอได้มาอยู่อพาร์ตเมนท์ ต้องไปทำงาน ไม่มีชุดทำงาน กางเกงทำงาน เสื้อเชิ๊ตเลย เพราะคิดว่าจะหอบเสื้อผ้ามาแค่อยู่พักพิงหนีช่วงน้ำท่วม ซึ่งมันใช้เวลานานแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่ชีิวิตเราต้องดำเนินต่อไป หากพักอยู่ที่ศูนย์อพยพ ผมไม่แน่ใจว่า เขาจะอนุญาตให้เราออกไปทำงานตอนเช้า แล้วกลับมานอนตอนกลางคืน ได้หรือไม่ หรือว่าต้องอยู่ในบริเวณศูนย์อพยพตลอดเวลา ห้ามออกไปไหนเลย ดังนั้น อุปกรณ์ในการไปทำงาน ไปเรียน มันก็เหมือนกับอพยพย้ายบ้านนั่นแหล่ะ คุณคิดว่ามีเวลาขนของแค่ไหน แล้วถ้าน้ำมาแล้ว จะขนของทุกอย่างออกมาได้หมดหรือ
4) ผมอยู่อพาร์ตเมนท์ ไม่ใช่โรงแรม ดังนั้น ไม่มีทีวี ตู้เย็น ไมโครเวฟ ไม่ได้สบายเหมือนอยู่บ้าน หากทำได้ก็คือซื้อกิน ถ้าอาหารขาดแคลนก็กินเท่าที่ตุนไว้ เท่าที่พอจะขนมาได้ หากน้ำท่วมสูงก็ไม่ต้องคิดเลย เพราะการเดินลุยน้ำ ถือกระเป๋า 2-3 ใบหนักใบละ 2-3 กิโล แล้วเท้่าลุยน้ำออกมา มันหนักมาก หรือหากทหารไปรับ ก็ต้องรับคนจำนวนมาก หรือหากใส่เรือ ก็คงจะหยิบมาได้แค่กระเป๋าคนละใบสองใบ นี่ยังไม่รวมผู้หญิงที่ต้องมีชุดทำงาน ชุดอื่นๆ รองเท้าหลายคู่ ดังนั้น การอพยพ ไม่ใช่การไปอยู่โรงแรมแล้วมีบริการต่างๆิอำนวยความสะดวกให้ คุณต้องมี จาน ชาม ช้อน ส้อม เหมือนย้ายบ้านนั่นแหล่ะครับ
5) การอพยพจริงๆแล้ว หากคิดจะใช้รถส่วนตัว อาจเป็นไปได้ว่าเอารถส่วนตัวไปจอดไว้บนทางด่วนแล้ว หากน้ำเข้าบ้าน แล้วคุณเอารถไปไว้ที่อื่นแล้ว ตอนนั้นที่คุณจะอพยพได้ นั่นคือ แท็กซี่ ที่น้อยคันจะยอมเข้ามารับทั้งที่น้ำท่วมซอย แล้วแท็กซี่ก็ขนอะไรไปไม่ได้มากเช่นกัน หากจะรอให้เพื่อนขับรถกระบะหรือรถสูงๆมารับนั่นอีกเรื่อง แต่ถ้าจะให้รถทหารเข้ามารับกรณีน้ำท่วมสูง อันนี้หมดสิทธิ คุณอาจจะคว้ากระเป๋าใบเดียวแล้วช่วยชีวิตคนในบ้านให้รอด มากกว่าที่จะเอาชุดทำงาน รองเท้า ถุงเท้า ผ้าเช็ดหน้า ชุดชั้นใน ออกมาได้เยอะขนาดนั้นที่พอจะออกไปทำงานได้ตามปกติ
6) “อพยพ” ในใจคิดว่า อพยพ คุณจะไปอยู่ที่ไหน บ้านญาติ บ้านเพื่อน โรงแรม ไปต่างจังหวัด หรือไปหาหอพักอยู่? การเตรียมการอพยพ ไม่เหมือนกันนะครับ ไปบ้านญาติ แล้วถ้าคุณทำงานแบบ work at home ได้ แต่ญาติก็อาจจะไม่เข้าใจ ที่คุณไม่ช่วยงานบ้านเขาเลย ไปถึงก็เปิดคอมทำงานๆๆๆ ใช้เน็ตบ้านเขาอีก ตอนนั้นมันก็เหมือนเรามาขอเขาพักอาศัยเท่านั้น เพราะตอนนี้ คุณคือ ผู้ประสบภัย ที่อพยพขอพักพิง หากจะอยู่ศูนย์อพยพ หมดสิทธิ์จะทำงาน work at home แน่ๆ คุณอาจจะมีที่นอนผืนเดียวเป็นที่พัก ของทุกอย่างเก็บไว้ในกระเป๋าใบสองใบ แต่ถ้าคุณไปอยู่หอพัก คุณอาจจะได้เริ่มชีวิตใหม่แบบผมคือ ซื้อเสื้อผ้าใหม่ รองเท้า ไปทำงานตามปกติ เก็บเงินไว้เตรียมซ่อมบ้าน เมื่อน้ำลดก็กลับบ้านตามปกติ ปัญหาคือคนอยู่อพาร์ตเมนท์ ต้องมีค่ามัดจำ ทำสัญญา 3, 6 เดือน ตรงนี้ก็ลำบากล่ะ ยกเว้นเป็น Service Apartment ให้พักกันหลายคนจ่ายเป็นเดือน ของผมก็โชคดีหน่อยบริษัทจัดหาไว้เลยไม่มีเรื่องมัดจำและสัญญา (ขอบคุณทรูครับ)
7) การอพยพ คือการใช้ชีวิตอยู่ในอีกสถานที่นึงที่น้ำท่วมไม่ถึง แต่ก็ต้องติดตามข่าวอยู่ว่าน้ำลดหรือยัง แล้วการใช้ชีวิตตอนอพยพ คุณจะต้องเอายารักษาโรค ยาสามัญประจำบ้าน ยาโรคประจำตัวติดให้พอด้วย การใ้ช้ชีวิต การอพยพ ไม่มีใครอยากลำบาก หากอยู่บ้านญาติได้ อยู่กับเพื่อนได้ ย่อมดีกว่าอยู่ศูนย์อพยพ ซึ่งมีคนเยอะ ร้อยพ่อพันแม่จากที่ไหนก็ไม่รู้ โรคติดต่อ ไข้หวัด มีการแพร่กระจายเชื้อโรค จะต้องระวังให้มาก
8 ) หากคิดว่าจะอพยพ ต้องรีบอพยพเลย เพราะน้ำขึ้นสูงเร็วมาก ถนนนรามอินทรา 19, 21, 23 แห้งสนิทในช่วงเย็น แต่เช้าอีกวันน้ำขึ้นมาถึงตาตุ่มแล้ว แล้วหากลืมอะไรไว้ที่บ้าน การจะกลับมาเอาของที่ลืิมนั้นยาก อาจจะต้องขอเรือพากลับมา หรือการกลับบ้านก็อาจจะเสี่ยงจากไฟฟ้ารั่ว หากเราไม่แน่ใจว่า บ้านข้างๆ สับสวิตซ์คัตเอ้าท์หรือยัง ดังนั้น อะไรที่ซื้อใหม่ได้ก็ซื้อถ้าจำเป็นจริงๆ เห็นไหมครับ ใช้เงินอีกแล้ว นี่ยังไม่ทันซ่อมบ้านเลยนะ
9 ) การอพยพไปอยู่ในที่ที่ไม่มีตู้เย็น ไม่มีไมโครเวฟ ถึงเราจะอยู่ส่วนตัวสบาย แต่เอาจริงๆ การใช้ชีวิตต้องปรับตัวเยอะเหมือนกัน และต้องรับการสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง แล้วถ้าคุณคิดว่าจะไปอยู่ต่างจังหวัด จะไปอยู่รีสอร์ทสบายๆ อย่างมากก็อยู่ได้แค่อาทิตย์เดียวหรือสองอาทิตย์เท่านั้นแหล่ะ เพราะความเป็นจริงเราก็ต้องไปทำงาน ต้องทำหน้าที่ของเราตามปกติ ไม่ใช่การอพยพ ไปขอพักพิงคนอื่นไปวันๆ จริงอยู่ว่าไปเที่ยว แต่ทุกอย่างก็ใช้เงินทั้งนั้น แถมกลับมาจะต้องซ่อมบ้านอีก อาจจะหลบไปพักผ่อนให้หายเครียดจา้กน้ำท่วมได้ แต่ก็ต้องยอมรับที่จะอยู่กับมันให้ได้ด้วยเช่นกัน
10) ตั้งสติ เื่มื่อเราอพยพ เราไม่ทำตัวเป็นผู้ประสบภัยขอความช่วยเหลือจากคนอื่น เรารักษาชีวิตเราให้รอด แต่เราอพยพแล้วเราสามารถเป็นอาสาสมัครให้ความช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนกว่าเราได้ คนที่อพยพไปยังศูนย์อพยพ อาจจะเป็นเพราะบ้านน้ำท่วมหนัก จนอยู่ไม่ได้ หรือไม่มีที่อยู่ ก็ควรให้ความช่วยเหลือเขา ไม่ทำตัวเป็นผู้ประสบภัยที่รอแต่ความช่วยเหลือจากทางการ
ขอให้ทุกคนโชคดีครับ ล่าสุด 7-11 หลายแห่งมีสินค้าขายตามปกติแล้วแม้ว่าจะไม่ครบทุกไอเท็มก็ตาม ผมหวังว่าจะมีอะไรดีๆ หลังจากนี้ครับ สู้ๆครับ