ประสบการณ์จากเด็กกิจกรรม เพิ่มคุณค่า ในการหางาน

ประเด็นจาก twitter #HRtwt ที่ผมได้ร่วมสนทนากับ @kafaak @adeccothailand ก็คือ ประสบการณ์ 0 ปี บริษัทรับเข้าทำงานไหม?
สิ่งแรกที่ผมนึกถึงก็คือ ประสบการณ์การทำงานไม่มี ก็ใช้ประสบการณ์ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยสิ เพราะผม เป็นเด็กกิจกรรม ร่วมกิจกรรมกับทางคณะมาตลอด 4 ปีของการเรียนมหาวิทยาลัย
ในระดับปริญญาตรี ขอบคุณ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชมงคล คลอง 6 จริงๆประสบการณ์ ของผมมีตั้งแต่มัธยมแล้วด้วยซ้ำ ในการร่วมประกวดแข่งขันจัดบอร์ดวิชาการ การร่วมกิจกรรม เพื่อนเตือนเพื่อน ป้องกันภัยยาเสพติด การร่วมโครงการต่างๆของโรงเรียน กีฬาสีก็สำคัญนะครับ เคยร่วมการแสดงในพิธีเปิดด้วย ทุกๆอย่างที่เราทำกิจกรรม มาตั้งแต่สมัยมัธยม มีผลมากนะครับ ในช่วงที่ผมเรียน มหาวิทยาลัย โชคดีที่มีโอกาสได้ทำงานเป็นคณะกรรมการสโมสรนักศึกษาของคณะ ได้รู้จักกับการทำงาน การประสานงาน การติดต่อ การประชาสัมพันธ์ การตลาด การเงิน และประชุมวางแผนการดำเนินการต่างๆ สิ่งเหล่านี้ ทำให้ผม มีโอกาสในการเข้าทำงาน หลังจากเรียนจบภายใน 1 เดือน หลังจากสอบปลายภาค (หลังสอบเสร็จวันสุดท้าย)

นี่คือตัวอย่างที่เราได้เรียนรู้จาก “เด็กกิจกรรม” ทำให้เวลาเรียน คนอื่นกลับไม่สนใจช่วยเหลืองานกิจกรรม เอาแต่เรียน พวกได้เกรียตินิยม พวกนี้ ได้งานหลังคนที่ทำกิจกรรมเยอะเสียอีก
ผมมองว่า ประสบการณ์ 0 ปี ในการทำงาน ใช่ครับ แต่ผมมีประสบการณ์ 4 ปี ในการทำกิจกรรมระหว่างเรียน เป็นกรรมการชมรม ติดต่ออาจารย์ ช่วยเหลืองานคณะ ประสบการณ์การทำงาน สำคัญก็จริง
แต่ถ้าเรามีประสบการณ์ในการทำงานระหว่างเรียน นั่นคือจุดเด่นที่ทำให้เรามีข้อดีกว่าตัวเลือกคนอื่นๆ เกรดสำคัญเช่นกัน และผมก็มาจากการเรียนรู้ ประสบการณ์ในการฝึกงานด้านภาษาอังกฤษ กับโต๊ะข่าว Focus หนังสือพิมพ์
The Nation ทำให้โอกาสในการทำงานมากขึ้น จากที่ไม่มีประสบการณ์เลย ทำให้โปรไฟล์ Resume ของเราน่าสนใจขึ้น การทำหน้าที่เป็น Welcom Airport ต้อนรับ Special Guest
จากต่างประเทศ ในการต้อนรับผู้นำลูกเสือโลกในงาน World Scout Jamboree ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ผมได้มีโอกาสได้พบกับผู้นำลูกเสือในประเทศต่างๆ ต้อนรับและพาเข้าที่พักรับรอง โดยการต้อนรับ
ที่สนามบินดอนเมือง (ในขณะนั้น สนามบินสุวรรณภูมิ ยังไม่เปิดเป็นทางการ)

ผมมองว่า กิจกรรมต่างๆ ที่เราได้ทำตอนที่เรียน นั้นสำคัญมากๆ บริษัทจะมองที่ ประสบการณ์ในการทำงาน “ร่วมกับคนอื่น” มากกว่าจำนวนปีของการทำงานที่อาจเป็นประสบการณ์ที่อาจจะทำงานเข้ากับใครไม่ได้ ก็มี ดังนั้น หากทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย มากเท่าใด ยิ่งมีผล เพราะตอนที่ผมสมัครงานแรกๆ ผมยื่นใบประกาศณียบัตน นักศึกษาที่มีพฤติกรรมดีเด่น และกรรมการสโมสรนักศึกษา รวมไปถึงกรรมการชมรมภาษาอังกฤษ ให้บริษัทได้พิจารณา และจากที่ได้ทำงานมา ได้ไปบรรยายปฐมนิเทศสหกิจศึกษา พบว่า บริษัท มองนักศึกษาตั้งแต่วันแรกที่ฝึกงาน ว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมในการรับเข้าทำงานต่อในอนาคตหรือไม่ การชงกาแฟ ถ่ายเอกสาร ไม่ได้หมายถึงว่าไม่มีความสามารถ แต่หมายถึง การประสานงาน การทำงานร่วมกับผู้อื่น มนุษย์สัมพันธ์ การพบปะผู้คน โชคดีหน่อยที่ผมฝึกงานที่ The Nation ได้มีโอกาสเรียนรู้การทำข่าวเอง การหาข่าว คุยกับแหล่งข่าว ได้ประสบการณ์หลายๆอย่างที่เรียนรู้ได้เยอะมากในเวลาไม่กี่เดือน ประสบการณ์ในการทำกิจกรรมระหว่างเรียนและการฝึกงานสำคัญที่สุดครับ