อัพเดต iOS 5, OS X Lion, iCloud จาก WWDC 2011
สรุป update จากงาน WWDC 2011 ข้อมูลจาก Engadget
เรียบเรียงโดย @yokekung
หลายๆคนตั้งตารอการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆจาก Apple ในงาน WWDC2011 ซึ่งก็มีการคาดเดากันว่า จะมีการเปิดตัว iOS 5, OSX Lion และ iCloud Service แน่นอนว่า Apple ผสาน Hardware ร่วมกับ Software ได้อย่างน่าทึ่ง เพราะขณะนี้ ผู้ใช้ Mac กว่า 54 ล้านคนทั่วโลก เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ PC ได้ยอดตกลง Mac เพิ่มสูงขึ้น 28% ในทุกๆไตรมาสใน 5 ปีที่แล้ว และมียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องแรกคือ Multi-touch gestures บน Lion สามารถใช้งานบน trackpads ได้ ให้อิสระกับการ multi-touch tap-to-zoom, pinching และการวาดนิ้วแบบ two-finger swiping ส่วน Scrollbar จะขึ้นมาเฉพาะตอนที่ใช้งานเท่านั้น
จุดเด่นอีกอย่างคือ การแสดงผลแอพพลิเคชั่นบน Full-Screen Mode ไม่ว่าจะเป็น Safari, iMovie หรือแอพต่างๆ รวมไปถึง iCal, PDF ต่อมาคือ Mission Control ดูว่าแอพใดใช้งานอยู่ สลับการทำงานแอพได้ง่าย แบ่งส่วนเอกสารและ Widgets บนนี้เราสามารถใช้ Gestures มาควบคุมการทำงานต่างๆได้อย่างคล่องตัว ผมเรียกว่า Apple ทำให้เราใช้ Trackpads มีประโยชน์มากขึ้นโดยแทบไม่ต้องจับเม้าส์เลย แถมมีแอนิเมชั่นเฟดเข้าไปด้านซ้ายได้อีก
ในส่วนของ iPhoto ก็สนุกขึ้นเพราะมีการแสดงผลแบบเต็มหน้าจอ แถมยังใช้ Face Detection มาช่วย
นอกจากนี้ Mac AppStore ยังช่วยให้ใช้งานแอพบน Mac ได้สะดวกขึ้น ตอนนี้ Mac AppStore แซงหน้า Best Buy, Walmart, Office Depot ไปแล้ว
การ Resume แอพหลังจากที่เราปิดไปแล้ว เปิดขึ้นมาใหม่ก็จะทำงานต่อได้เลย
หลายๆฟีเจอร์นำเอาความสามารถในด้าน Multi-Tasking แบบใน iOS มาใช้กับ Mac OS
Auto Save บันทึกให้อัตโนมัติหายห่วง และยังสามารถ Revert to last opened ได้อีกด้วย เพราะการ Save บน Mac ไม่ใช่การเซฟทับไปเรื่อยๆอย่างเช่นใน Windows แล้วสามารถ Revert ไปมากกว่าการ Undo เหมือนกับการใช้ History บน Photoshop แบบนั้นเลย
AirDrop ใช้งานเพื่อแชร์ไฟล์ให้เพื่อน โดยเราจะเห็นว่าเพื่อนคนไหนบ้างที่ใช้ AirDrop แชร์ไฟล์ แลกเปลี่ยนไฟล์กัน
Mail มีการปรับแต่งเพื่อการค้นหาที่ง่ายขึ้น ค้นหาได้ตรงใจมากขึ้น และนำเสนอการอ่านอีเมล์แบบ Conversation
ใครสนใจ Lion คลิก Buy ได้จาก Mac AppStore อัพเกรดง่ายมาก อดใจรอ กรกฎาคมนี้ แค่ $29.99
iOS 5 for iPhone, iPod Touch, iPad
ข้อมูลจาก ComScore เดือนเมษายนปีนี้ iOS ได้รับความนิยม 44% ตามมาด้วย Android
iOS 5 มีจุดเด่นแรกคือ 1500 new APIs
ความเปลี่ยนแปลงใหม่ของ Notification ที่ต่างแอพต่าง Push ขึ้นมา น่ารำคาญมาก โดยจะมี Notification Center ขึ้นมาแทน หลังจากที่หลายๆคนรำคาญ Pop-up notification ในขณะเล่นเกม ดูวีดีโอ ตัว Notification Center นี้ แจ้งเตือนด้านบนหน้าจอ เลื่อนลงมาคล้ายๆ Android เลย (เหมือนเลยล่ะ) อยากให้หน้าจอหายไปก็กด กากบาท x เหมือนปกติ
Newsstand เหมือนแผงหนังสือพิมพ์ส่วนตัว
ส่วน twitter จะ intergraded กับแอพต่างๆ แชร์ได้ทันที ง่ายกว่าเดิม อันนี้ผมรอมานาน ว่าทำไม camera roll ถึงแชร์ twitter เลยไม่ได้สักที
ต่อมาก็คือการแชร์เอกสารผ่าน Safari และการแชร์ Location บน Maps การแชร์เอกสารสามารถแชร์ “เอกสาร” ได้ ไม่ใช่เฉพาะแค่ link และหากอย่างจะเก็บไว้อ่านทีหลังก็มี Reading List เหมือนกับ Read it later เหมือนวางหนังสือคั่นไว้หลายๆเล่ม ทยอยหยิบขึ้นมาอ่าน ถ้าเนื้อหาน่าสนใจก็ tweet ผ่าน tweet sheet
Reminders เหมือนกัน To do lists โดยจะ sync กับ iCal
ที่ชอบมากคือ มีปุ่ม Camera Button บน Lock Screen โดยไม่ต้องเข้า pass code นอกจากนี้ยังใช้ปุ่ม volume up ในการถ่ายภาพได้อีก ส่วน Pinch to zoom สนุกกับกล้องมากขึ้น แบบนี้รุ่นอื่นก็หนาวๆ ร้อนๆ กันแล้ว เพราะมันสามารถ edit รูปได้โดยไม่ต้องใช้แอพเพิ่ม ชอบมากๆล่ะงานนี้ ไม่ต้องเสียเวลาเข้าแอพก็ถ่ายรูปได้ (เสียที) เหมือนมือถืออื่นๆแล้ว
ส่วน Mail ใน iOS5 ก็ปรับการค้นหา ปรับขนาด ความหนา เอน ตัวอักษรได้แล้ว และยังมี dictionary ให้ใช้ด้วย
ส่วนคียบอร์ด แยกส่วนออกได้ ก็น่าจะทำให้พิมพ์ 2 มือบน iPad ง่ายขึ้นแล้วสิ
PCFree
เพราะ apple รู้ว่าความยุ่งยากในการโอนถ่ายข้อมูล จะต้องทำผ่านสาย USB ต่อกับ PC แต่มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ ดังนั้น Update Software ผ่าน OTA เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก Cut the cable นั่นคือสามารถ sync iTunes ผ่าน Wi-Fi ได้แล้ว
Game Center มีการปรับรูปแบบ เพื่อเชื่อมโยงกับเพื่อนที่ชอบเล่นเกมเดียวกัน แชร์สกอร์ได้ง่ายขึ้น
iMessages คือ Messaging Service บน iOS ทำให้ iPod Touch, iPad ทำงานกับ Message ได้
รองรับการส่งข้อความ ภาพถ่าย วีดีโอ contacts และ group messaging
iOS 5 ใช้งานได้บน iPhone 3GS ขึ้นไป iPad1, iPad2, iPod Touch Gen 3,4 ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วง
และแล้วก็มาถึง iCloud ที่หลายคนตั้งตารอ
หลายๆคนคิดว่า cloud คือการเก็บข้อมูลขนาดใหญ่บนกลุ่มเมฆ แต่มันเป็นมากกว่านั้นคือการเก็บข้อมูลบน cloud และpush ให้กับทุกอุปกรณ์ที่ sync กัน โดยมี MobileMe กลายเป็น iCloud หมายถึงทุกๆการเปลี่ยนแปลงจะมีการ sync เข้ากับทุกอุปกรณ์ ยอดเยี่ยมเลยไม่ต้อง sync ไป Sync มาหลายรอบหลายอุปกรณ์ รวมไปถึงการแชร์กับคนอื่นอย่าง Calendar Sharing โดย iCloud ฟรี ส่วน MobileMe นั้น Annual Subscription $99
iCloud ทำให้เราซื้อแอพครั้งเดียวได้ติดตั้งลงทุกอุปกรณ์ได้ รวมไปถึงการซื้อ iBooks แล้วอ่านได้บนทุกอุปกรณ์
และยัง backup ผ่าน iCloud ได้อีก มันแจ่มมาก
Documents on the cloud สร้างเอกสารบน iPad ก็เปิดได้จาก iPhone ไม่ต้องโยนลง Dropbox แล้ว
ส่วน photo stream ถ่ายรูปจากกล้อง iPhone ก็แชร์ร่วมกับ iPad ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงบน iPod Touch และ Apple TV, Pictures ด้วย แต่บน cloud จะเก็บรูปไว้ 30 วัน แนะนำให้เซฟลง PC หรืออุปกรณ์อื่นเพื่อเก็บถาวร
iTunes on the cloud
อันนี้ไม่น่าพลาดเพราะหลายๆคนคงจะคาดการณ์ไว้แบบนี้อยู่แล้ว มี iCloud ทั้งทีก็เชื่อมโยงกับ iTunes
รันบน iOS 4.3 beta ได้ และให้พื้นที่ Email 5GB สำหรับเอกสาร เมล์ และ backup
สำหรับ iCloud พบได้พร้อมกับ iOS5 ในช่วง Fall นี้
ส่วน iTunes Match สแกนและจับคู่ library $24.99 ต่อปี
Music Cloud เป็นเทรนตอนนี้แน่ๆ กับการเก็บเพลงไว้บน cloud อยากใช้อุปกรณ์ไหนเปิดก็ใช้งานได้ทันที
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสรุปจุดเด่นของ iOS5, OSX Lion, iCloud ที่น่าสนใจ
ข้อมูลละเอียดของ iOS5