ได้มีโอกาส พูดคุยกับผู้พัฒนา นาฬิกาโทรศัพท์ป้องกันเด็กหาย ภายใต้แบรนด์ POMO Kids Watch ซึ่งวางผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของ Wearable สำหรับเด็ก รองรับการใส่ซิม (Micro SIM) ทำงานกับ GPS และ LBS เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว ตำแหน่งที่ตั้ง ใช้ติดตามการเคลื่อนไหวของเด็ก เหมาะสำหรับการ tracking ติดตามเด็ก
ทำไมต้องใช้ นาฬิกาโทรศัพท์ป้องกันเด็กหาย
ก่อนอื่น อยากชวนให้ คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง ตระหนักเรื่องเด็กหาย จากคลิป จัดทำโดย Facebook SSHEsociety เครือข่ายสังคมของความปลอดภัยแห่งใหม่บนโลกออนไลน์ กับคลิปที่มีชื่อว่า “อย่าละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว” ล่าสุดมี คลิปภาคต่อ
ซึ่งเรื่องเด็กหาย เป็นเรื่องที่ใครๆก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น นาฬิกาโทรศัพท์ป้องกันเด็กหาย ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการติดตามที่อยู่ location ของเด็ก ในกรณีเด็กไม่ได้อยู่ในสายตาของเรา หรือไปพร้อมพ่อแม่ ผุ้ปกครอง แล้วพลัดหลงกัน (วิธีที่เราทราบกัน ครั้งเพิ่งจำความได้คือเขียนชื่อผู้ปกครองไว้ พร้อมเบอร์โทรผุ้ปกครอง เผื่อพลัดหลงกัน)
รู้จัก POMO Kids Watch นาฬิกาข้อมือสำหรับเด็ก
- POMO Kids Watch นาฬิกาโทรศัพท์ป้องกันเด็กหาย เป็นแบรนด์นาฬิกาอัจฉริยะ ป้องกันเด็กหาย โทรออก รับสายได้ (Anti-kids lost smartwatch)
- มี GPS / Wi-Fi / LBS ตรวจจับการเคลื่อนไหว 300 – 400 เมตร กำหนดได้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง กำหนดได้ว่าจะให้ลูกอยู่ในบริเวณใด ผสานกับเรื่อง GPS กำหนด Safe Zone จำกัดขอบเขตให้ลูกอยู่ในบริเวณที่เราจำกัดไว้ โดยกำหนด area ตำแหน่งที่อยู่ กำหนดว่าจะให้อยู่ในระยะกี่เมตร เช่น น้องอยู่ที่โรงเรียน กำหนดไว้ 500 เมตรรอบโรงเรียน ถ้าออกนอกพื้นที่โดยรอบ 500 เมตรก็จะเตือนพ่อแม่ว่าลูกออกนอกพื้นที่จำกัด
- โทรได้ แต่ฟังก์ชั่นที่พ่อแม่ใช้บ่อย คือการโทรหาลูก แต่ลูกไม่รับโทรศัพท์ (อาจจะเพราะเล่นกับเพื่อนอยู่ หรือเตะบอลอยู่) ไม่รับสาย กรณีนี้ ถ้าใส่นาฬิการุ่นนี้ ถ้าพ่อแม่ (ผู้ปกครอง) โทร พ่อแม่ตะโกนเรียกลูกได้ (เสียงดังใช่เล่น)
- สามารดู route ของการเดินทางได้ ติดตามได้ว่าเด็กไปที่ไหน มีการรายงานทุก 3 หรือ 5 นาทีได้ ฟีเจอร์ความปลอดภัย รับสายอัตโนมัติ รายงานตำแหน่งที่โทร ตั้งค่าการรับสายได้ ว่าจะรับสายได้หรือไม่ได้ กำหนดไม่รับสายอื่นได้ด้วย คนอื่นโทรเข้ามาก็จะเป็นสายไม่ว่าง
- ต้องใส่ซิม และมีเน็ต เพื่อ sync ข้อมูลระหว่างนาฬิกากับแอพบนมือถือ ล่าสุดเห็นมีพวก IoT SIM ออกมา เน็ต 2GB ก็พอแล้วสำหรับการ sync ข้อมูลนาฬิกาแบบนี้ ไม่ได้ใช้เน็ตอะไรมากหรอกครับ
การได้พูดคุยกับผู้พัฒนานาฬิกา โพโมะ ได้ทราบว่า ก่อนหน้านี้ (เคยรีวิว รุ่นแรก) รุ่นแรกออกมา มีหลายอย่างต้องแก้ไข รุ่นล่าสุด POMO Kids Moji นาฬิกาป้องกันเด็กหาย จึงได้ออกแบบใหม่ โดยรุ่นแรกกับรุ่นนี้คล้ายกัน 80% ข้อแตกต่างคือ แบตอยู่ได้นานขึ้น กันน้ำได้ดีขึ้น ความแข็งแรงของโครงสร้างดีขึ้น ป้องกันการกระแทกได้ดีขึ้น เอารุ่นแรกมาพัฒนาให้ดีขึ้น
ทำไมถึงควรให้เด็กๆ ใส่นาฬิกานี้
- น้องๆ (ลูกๆ) สามารถโทรหาพ่อแม่ ผู้ปกครองได้ (ฝั่งนาฬิกา ลูกโทรหาพ่อแม่ โทรเข้าได้ถึง 10-20 หมายเลข โทรออกได้ 10 เบอร์ ที่กำหนดไว้)
POMO Kidswatch เป็น anti-kids lost smartwatch ตรวจสอบความเคลื่อนไหว (location tracker) ของเด็กได้ โดยจะต้องใส่ซิม มี Emergency alert function (SOS) ใช้ยามฉุกเฉิน ควรสอนเด็กให้จำไว้ว่าถ้าเกิดเหตุด่วน เหตุร้าย ให้กดปุ่มนี้ (ถ้ามือถือมีสัญญาณ ณ ขณะนั้น) สามารถส่ง Voice calling/message ส่งข้อความเสียง หรือข้อความ และยังมี Unique POMO Sticker ให้น้องๆ หนูๆ ได้ตกแต่งอย่างสนุกสนาน
สิทธิของ Admin ผู้ดูแล Smart Watch POMO
- ตัวนาฬิกา ทำหน้าที่บอกเวลา เก็บ Tracking สถานที่ โทรได้ แต่จะต้องตั้งค่าครั้งแรกโดยสมาร์ทโฟน iOS, Android ลงแอพเพื่อจัดการ จะต้องมี Admin คนนึง และเพิ่มผู้ดูแล Admin อื่นๆได้
- สำหรับการจัดการ จะต้องมีผู้ปกครอง เช่น พ่อ หรือแม่ เป็น Admin แล้วกำหนดให้ญาติๆ เป็นผู้ดูแลร่วมด้วยได้ แต่ใช้คนแรกที่ pair เป็น admin ในการจัดการ ต่างจากรุ่นเก่า ที่ใครจัดการก็ได้
ทุกคนเป็นแอดมินเข้าไปเปลี่ยนอะไรก็ได้ รุ่นใหม่ Admin มีคนเดียว เพิ่ม ลด สิทธิ Admin ได้ - เลือก Call / Voice Message / Location เลือกได้ว่าแต่ละแอดมินทำอะไรได้บ้าง แต่ละคนดาวน์โหลดแอพมาก็เพิ่มนาฬิกา ส่อง QR Code ได้ ตอนนี้ QR Code อยู่ที่คู่มือ (ไม่ได้อยู่ใต้นาฬิกาแบบรุ่นแรก) เพิ่มเองได้ด้วย create account ได้ เตะแอดมินคนอื่นออกได้ ใครแปลกปลอมเข้ามาก็ delete ออกได้ ถ้าเป็นเพื่อนกัน นาฬิกาเป็นเพื่อนกัน เขย่าให้นาฬิกาเป็นเพื่อนกันได้ พ่อแม่กำหนดและควบคุมได้ว่าจะให้ลูกคุยกับเพื่อนไหม นาฬิกาปลุก ข้อมูลย้อนหลัง ดูได้เช่นกัน
แกะกล่อง unbox POMO Kids Watch Moji
POMO Kids Watch รุ่น Moji พัฒนาจากรุ่นเดิม ถือเป็น รุ่น 2 โดยฟีเจอร์ที่ตัดออกไปคือ “กันยุง” ใช้การส่งคลื่นเสียงที่ยุงกลัว แต่ไม่ 100% เป็นเสียงแมลงปอ คลื่น UlraSonic ป้องกันได้ 60% และตัดการนับก้าวออกไป เพราะไม่เหมือนอุปกรณ์การนับก้าวของอุปกรณ์ wearable การนับก้าว บนนาฬิกานี้ ใช้ส่งข้อมูลไปยัง server แถมเป็น 2G มีโอกาส lost ระหว่างทางได้ ทำให้ไม่แม่นยำ เมื่อมองเห็นว่า อาจทำให้ระบบการนับก้าวไม่แม่นก็เลยตัดออกจากรุ่นเก่า นาฬิกาจำเป็นต้องใส่ซิมการ์ด ไม่มีซิมการ์ด ก็ใช้นาฬิกาไม่ได้ ต้องใช้เน็ต ถ้าเน็ต lost ก็มีโอกาสผิดพลาดได้ แต่สำหรับ location tracking จะใช้ทั้ง GPS, LBS, A-GPS ช่วยกันจับตำแหน่ง นอกจากนี้ POMO Kids moji ได้ถอดฟังก์ชั่นหลายๆอย่างออก จากรุ่นเก่า บางอย่างที่ทำให้น้ำเข้าก็ตัดออก อย่างเช่นพอร์ต Micro USB ซึ่งรุ่นเก่าแกะยาก แถมมีโอกาสทำให้น้ำเข้า เสียบสายชาร์จก็ยาก จะต้องแกะเปิดฝาครอบเพื่อชาร์จไฟ รุ่นนี้มีหน้า contact ให้แตะเพื่อชาร์จไฟ ทำให้ลดโอกาสน้ำเข้าน้อยกว่ารุ่นเดิม แต่ในสเปคไม่ได้ระบุว่ากันน้ำ เราตีความว่ากันน้ำกระเด็น จะดีกว่า เด็กโดนฝน ทำน้ำหก หรือล้างมือ ไม่ได้มีการระบุไว้ว่ากันน้ำแบบเอาจุ่มน้ำ แช่น้ำได้ หรืออาบน้ำตอนใส่นาฬิกาได้ ทั้งนี้รุ่นเดิมยังมีขาย
จุดเด่นอีกอย่างคือ Voice Calling คุยกับเพื่อนในแก๊งค์ (นาฬิกาด้วยกัน) ได้ และคุยกับ (มือถือ)พ่อแม่ ผู้ปกครอง พี่ น้อง ได้ ส่วนความน่ารักของรุ่นนี้คือ Best Friend Forever เขย่า (ข้อมือที่สวม) นาฬิกา แต่ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองก่อน สามาารถโทรหาเพื่อนในกลุ่มหรือแก๊งค์ได้ และเมื่อใดก็ตาม ที่กดปุ่ม SOS (Intelligent Emergency) นาฬิกาจะส่งแจ้งเตือนและอัพเดต location ปัจจุบันให้ผุ้ปกครองทราบทันที
นอกจากนี้ การควบคุม POMO Kids moji กดแตะที่หน้าจอ ไม่ใช่การสไลด์หน้าจอ เด็กๆ เลือกคำสั่งได้ง่าย แต่ไม่ใช่การเตะหน้าจอสัมผัสแบบ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ตอนนี้ช้อปออนไลน์ ได้ที่ POMOHOUSE โดยตรงก็ได้ หรือ Thaiware, iTrueMar ก็มี และมีตัวแทนจำหน่ายตามห้างชั้นนำ ทั้งร้าน Tg fone , B2S , true shop, istudio เช็คสาขา หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line ID : @pomo_house (ต้องมี @ ด้วย) หรือโทร 02-1054274 ส่วนรีวิวเต็มๆ ติดตามในบล็อกตอนถัดไปครับ