แนะนำ POMO Kids Watch นาฬิกาอัจฉริยะโทรออกได้ พร้อม GPS tracker สำหรับเด็ก
มองไปรอบตัว ผู้ใหญ่อย่างเราๆ จะเห็น นาฬิกา Smart Watch มากมาย ที่ออกมาช่วยในการวัดการเดิน วิ่ง อัตราการเต้นของหัวใจ แต่สำหรับพ่อแม่แล้ว นาฬิกา Smart Watch ที่เขาต้องการ น่าจะช่วยเรื่องความปลอดภัยให้ลูก โดยให้ลูกใส่นาฬิกา ที่มีระบบ GPS Tracker ติดตามตำแหน่งของเด็กได้ สามารถโทรออกหาผู้ปกครองได้ นี่คือนาฬิกาเพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก
POMO Kids Watch (อ่านว่า โพโมะ)
นาฬิกาอัจฉริยะสำหรับเด็ก POMO Kids Watch มีรุ่น Limited Black Edition ราคา 4,490 บาท แต่รุ่นที่ผมได้มาทดสอบเป็นสีฟ้า POMO Kids Watch – KT01S มีจำหน่ายสีส้ม ฟ้า เขียว ชมพู ราคา 3,990 บาท
POMO Kids Watch เป็นนาฬิกาโทรศัพท์ป้องกันเด็กหาย ให้เด็กที่รู้เรื่องแล้ว 3 ขวบขึ้นไป สามารถกดเพื่อโทรหาผู้ปกครองเวลาหลงกันได้ ผู้ปกครอง ให้เด็กใส่ นาฬิกาตัวนี้ก็หน้าตาเหมือนนาฬิกาเด็กเล่นปกติ ทำให้เรามั่นใจได้ว่าเด็กๆ จะอยู่ในความปลอดภัย เพราะเราติดตามเขาได้ตลอดเวลา
POMO Kids Watch กับนลิน
ลูกสาวผมเพิ่งจะอายุ 3 ขวบ แต่ตัวเล็ก ผอม ข้อมือเล็ก ทำให้ใส่นาฬิกา POMO Kids Watch แล้วหลวม พอหลวมเขาก็ใส่ไม่ได้นานเพราะไม่สบายข้อมือ ตรงนี้อยากให้คุณพ่อ คุณแม่ วัดข้อมือลูกสักหน่อย เพราะแม้จะเป็นรูในสุด นลินก็ยังใส่หลวม (แต่ผลิตภัณฑ์นี้ เขาบอกว่า 3 ขวบขึ้นไปนี่เนอะ)
ความสามารถของ โพโมะ คิดส์ วอชช์ เป็นนาฬิกาโทรศัพท์ป้องกันเด็กหาย เด็กๆชอบใส่นาฬิกาอยู่แล้ว แต่ในฐานะพ่อแม่ก็อยากจะให้สอนลูกด้วยว่า ใครแปลกหน้า พาไปไหนก็อย่าไปกับเขาเด็ดขาด
คุณสมบัติของนาฬิกา ใส่ซิมการ์ดได้ (ซิมแบบ Micro SIM) ทำให้สามารถติดตาม และ กำหนดพื้นที่ในการทำกิจกรรมต่างๆ ของเด็กได้ รวมไปถึง ใช้โทรหากันได้ แบบไม่ต้องกดตัวเลย กดปุ่มก็โทรได้เลย การโทรก็เหมือนในหนัง ยกข้อมือขึ้นมาคุยได้เลย ไม่ต้องใช้สมอลล์ทอล์ค และสามารถการแจ้งเตือนหากเด็กๆได้รับอุบัติเหตุ หรือพลัดหลง ฯลฯ
วัสดุของ POMO Kids Watch เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ECO friendly และให้เด็กใส่ได้อย่างปลอดภัย การใช้งานครั้งแรกก็ชาร์จแบตไว้ให้เต็มด้วยพอร์ต Micro USB เอาที่ชาร์จ Android พวก Samsung มาใช้ได้ แนะนำว่า เรื่องของการชาร์ต ไม่อยากแนะนำให้เอาที่ชาร์จอะไรมาชาร์จก็ได้ แม้จะเป็น MicroUSB ก็เถอะ ไม่แนะนำให้ใช่ร่วมกับ ที่ชาร์จ Android พวก Samsung เนื่องด้วยปริมาณของ Output จำนวน มิลลิแอมป์ กำลังไฟ มีมากกว่าที่ชาร์ตของ POMO จะทำให้เครื่อง POMO แบตเสื่อมได้ ดังนั้น แนะนำควรใช่ที่ชาร์ต ของ POMO ดีกว่าครับ
โพโมะ เฮ้าส์ POMO Kids Watch ทำอะไรได้บ้าง
อย่างแรกคือใส่เป็นนาฬิกาสวยๆ เนียนไปกับเครื่องแต่งกาย สามารถระบุตำแหน่งด้วย GPS, สัญญาณมือถือ และ Wi-Fi เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน (ของผู้ปกครอง) ผ่านแอพ Pomo Kids กำหนดพื้นที่ เช่น บ้านเพื่อน สนามเด็กเล่น จำกัดตำแหน่งไว้ ถ้าออกนอกตำแหน่งก็จะมีการแจ้งเตือน บนสมาร์ทโฟนของผู้ปกครอง
ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน สอนให้เด็กๆ กดปุ่ม SOS ค้างไว้ 3 วินาที ใช้งานโหมดฉุกเฉิน ขอความช่วยเหลือผู้ปกครองได้ โดยถ้ากดปุ่ม SOS นาฬิกาจะส่ง SMS ระบุตำแหน่งให้โทรศัพท์ที่เครื่องที่ตั้งค่า (ตั้งค่าได้หลายเครื่อง เช่น พ่อ แม่ คุณน้า คุณป้า) สามารถโทรอัตโนมัติไปยังเบอร์ที่กำหนดไว้ 3 เบอร์ใน (กำหนดค่าในแอพ) ในเหตุการณ์ปกติ สามารถรับสายและโทรออกได้ด้วย ตั้งค่าเบอร์โทรเข้าสูงสุด 8 เบอร์ และโทรออกได้ 3 เบอร์ ถ้าผู้ปกครองจะเรียกเด็กกลับบ้านก็ส่งข้อความเสียงสั้นๆ 15 วินาที) ได้
การใช้งาน ทำการใส่ซิมบนช่องใส่ซิมข้างนาฬิกา เปิดนาฬิกา จากนั้นตั้งค่าบนสมาร์ทโฟน ดาวน์โหลดแอพ Pomo Kids บน iOS และ Android มาติดตั้ง เพื่อตั้งค่าการใช้งานนาฬิกา POMO Kids Watch
ยอมรับการขอสิทธิเข้าถึงข้อมูลบนโทรศัพท์
ผู้เขียนใช้งานบน Flyme OS ของ Meizu m2 note มีข้อความเตือนว่าแอพนี้จะดึงข้อมูล ID ของโทรศัพท์ เราก็ต้องยอมรับ เพราะเป็นการผูกอีมี่ของนาฬิกา และดึงข้อมูลการโทรเพื่อใช้งานบนแอพ
จัดแจงลงทะเบียนให้เรียบร้อย ส่วนตรงนี้พ่อแม่ ผู้ปกครองจัดการได้เลย ลูกไม่ต้องยุ่งอะไรตรงนี้ เพิ่ม user ก่อน เผื่อว่ามีคนใช้หลายคน หลายเบอร์ หลายเครื่อง
ตรงนี้สำคัญ เพราะเป็นการป้อนหมายเลขโทรศัพท์บนซิมที่อยู่ในนาฬิกา และป้อนมายเลขโทรศัพท์ของเครื่องสมาร์ทโฟนที่ใช้ตั้งค่า เพื่อให้นาฬิกาสามารถโทรออกหาเบอร์ที่ผูกไว้ได้
กำหนดไอคอน User จะแสดงบนนาฬิกา เด็กๆจะจำหน้าตาโลโก้ รู้ว่าใครโทรมา หรือโทรหาใร
ขั้นตอนนี้ จะมีการเชื่อมโยงกับนาฬิกา โดยดึง IMEI ของนาฬิกา กดตรง Quick เพื่อสแกน IMEI ใต้นาฬิกาได้เลย หรือจะป้อนตัวเลขก็ได้ตามสะดวก และมีการส่ง Code ผ่าน SMS ของเบอร์ที่อยู่บนนาฬิกา ให้เราป้อนในแอพ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกัน
เมื่อ Add User เสร็จแล้วก็ทำการกำหนดหมายเลขโทรศัพท์ของครอบครัว
3 เบอร์แรก ควรใส่เบอร์ของพ่อแม่ ครู คนสำคัญ ถ้าลูกกด SOS จะโทรหาเบอร์เหล่านี้ตามลำดับ โทรจนกว่าจะรับสาย ไล่โทรอัตโนมัติทุกเบอร์หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เบอร์ที่ 5 – 8 ก็เป็นเบอร์รอง เช่น น้า ป้า ญาติ เพื่อน
เมื่อตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย perfect หน้าจะขึ้น P คือสัญญาณมือถือดีมาก (ไม่ใช่สัญญาณเน็ต) แต่ซิมต้องเปิดบริการอินเทอร์เน็ตไว้ด้วย ลูกศรขึ้นลงคือกำลังเชื่อมต่อข้อมูล
กลับมาที่เรื่องการตั้งค่า ตรงส่วน user เนี่ยแหล่ะที่ใช้จัดการ ลบ / แก้ไข user รวมไปถึงการ Factory setting เป็นค่าจากโรงงาน ตอนที่เราไม่ใช้แล้ว หรือนาฬิกาหาย แต่นาฬิกาเนี่ย ถึงหาย แต่ซิมก็โทรออกได้แต่เบอร์ที่เรากำหนดเท่านั้น 
ทดสอบฟีเจอร์ต่างๆของแอพ
ตั้งค่าแอพบนสมาร์ทโฟนกับนาฬิกาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มาถึงแอพกันบ้าง ลูกก็ใส่นาฬิกาไป ไม่ต้องทำอะไร ผู้ปกครองใช้ดูแผนที่ ดูตำแหน่งลูกได้
หน้าตาเมนู สามารถเข้าถึงการกำหนดค่า Safety Area ดูประวัติความเคลื่อนไหวของตำแหน่งบนแผนที่ กำหนด Family Number ไม่ต้องกลัวว่าจะใช้ไม่เป็น มีคำอธิบายบอกไว้ครบ
เมนูจะอยู่ขวามือ ด้านบนแสดงตำแหน่งบนแผนที่ วันที่ และเวลา ระบุชัดเจน
หน้าตาการใช้งานของแอพ POMO Kids
กำหนดพิกัดของตำแหน่งที่เราต้องการจำกัดบริเวณ เช่น ให้ลูกเล่นเฉพาะในสนามเด็กเล่น หากเดินออกนอกบริเวณจะมีการแจ้งผู้ปกครอง
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงคิดว่า อ้าว ถ้าคนร้าย พาเด็กไป แล้วถอดนาฬิกาออก หรือเด็กถอดนาฬิกาออกเองล่ะ ก็ตามไม่ได้แล้วสิ ทาง POMO Kids Watch เขาคิดเผื่อไว้แล้วครับ ถ้านาฬิกาถูกดึงออก หรือหลุดจากข้อมือ ผู้ปกครองจะได้รับการแจ้งเตือนบนสมาร์ทโฟน
อีกเทคโนโลยีที่เอามาช่วยก็คือ Bluetooth อันนี้กันเด็กหลงได้ ตอนเด็กๆเวลาไปงานกาชาด พ่อแม่มักจะเตือนลูกว่า ระวังหลงนะ ไปห้างก็ระวังหลงนะ ถ้าเชื่อม Bluetooth ไว้ ข้อดีของ bluetooth คือรัศมี 5 – 10 เมตร ถ้าหลุดจาก Bluetooth ก็จะแจ้งเตือนบนแอพในสมาร์ทโฟนได้ทันที และอีกความสมาร์ทคือ การบันทึก step การก้าวเดินเพื่อสุขภาพ
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครอง ควรดูแลบุตรหลานของท่านอย่างใกล้ชิดและรอบคอบนะครับ
2 thoughts on “แนะนำ POMO Kids Watch นาฬิกาอัจฉริยะโทรออกได้ พร้อม GPS tracker สำหรับเด็ก”