รู้ไหมว่า เด็กไทย ยังด้อยโอกาส และขาดทักษะการอ่าน ร่วมช่วยมอบโอกาสผ่านโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ #MobileLibrary #BooksForKids

สำหรับคนเมืองอย่างเราๆเนี่ย อ่านตลอดตั้งแต่ข่าว Social Media ต่างๆ มีทักษะในการอ่าน เพราะหลายๆอย่างทั้งเทคโนโลยี เกื้อหนุนให้เราอ่านประจำจนเกิดทักษะ แต่รู้ไหมว่า เด็กๆยังขาดโอกาสในการพัฒนาทักษะในการอ่านอยู่นะครับ

มีผลสำรวจที่น่าตกใจ สถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ.2555 ซึ่งจัดทำโดย สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ด้วยความสนับสนุนจากยูนิเซฟ) พบว่า 57.3% ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ มีหนังสือสำหรับเด็กไว้อ่านที่บ้านไม่ถึง 3 เล่ม โดยเด็กที่อยู่ในเมืองมีโอกาสเข้าถึงหนังสือสำหรับเด็กมากกว่าเด็กที่อาศัยในพื้นที่ชนบท

12185588_10153217366539632_5912795830906808347_o

จากผลสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ. 2555 ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติด้วยความสนับสนุนจาก ยูนิเซฟ พบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เกินครึ่งของจำนวนที่สำรวจ (ร้อยละ 57.3) มีหนังสือสำหรับเด็กไว้อ่านที่บ้านไม่ถึง 3 เล่ม จะว่าหนังสือแพงเหรอ อย่าลืมว่า เด็กในชนบท ไม่ได้มีสือการเรียนรู้อย่าง iPad แท็บเล็ต นะครับ ขณะที่สัดส่วนของเด็กที่มีหนังสือสำหรับเด็กที่บ้าน 10 เล่มขึ้นไปมีเพียงร้อยละ 14.2 เท่านั้น นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่าเด็กที่อาศัยอยู่ในเมืองมีโอกาสเข้าถึงหนังสือสำหรับเด็กมากกว่าเด็กที่อาศัยในพื้นที่ชนบท

_DSC6100_2

ทักษะการอ่านของเด็กในประเทศไทยยังเป็นเรื่องที่น่ากังวล ผลจากโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (Programme for International Student Assessment หรือ PISA) ในพ.ศ. 2555 พบว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 48 ด้านการรู้เรื่องการอ่านจาก 65 ประเทศที่เข้าร่วมซึ่งล้าหลังสิงคโปร์และเวียดนามอย่างมาก ผลการประเมินของ PISA ยังชี้ถึงความเหลื่อมล้ำสูงระหว่างนักเรียนในกรุงเทพฯ กับนักเรียนในพื้นที่ชนบท โดยนักเรียนในชนบทมีผลการประเมินด้อยกว่านักเรียนในกรุงเทพฯ อย่างมาก

Mobile-Library

ทางยูนิเซฟ ขอเชิญร่วมบริจาคภายใต้โครงการ “ห้องสมุดเคลื่อนที่” เพื่อจัดซื้อรถสมุดเคลื่อนที่ พร้อมหนังสือสำหรับเด็กและเจ้าหน้าที่ประจำรถ เดินทางไปตามโรงเรียนอนุบาลและประถมในพื้นที่ห่างไกล โดยสามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่จุดแคชเชียร์ ณ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2559 ปีหน้าโน่น (บริจาคขั้นต่ำครั้งละ 20 บาท)

สำหรับโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่นี้ จัดขึ้นเพื่อระดมทุน นำรถห้องสมุดเคลื่อนที่ ไปยังเด็กด้อยโอกาสที่อยู่ห่างไกล ใครบริจาค สามารถถ่ายรูป และติดแท็ก #MobileLibrary #BooksForKids #unicefth
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ: https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/MobileLibrary

ดูคลิปแล้วแบบว่า ประทับใจแทนน้องๆ แต่รถห้องสมุดเคลื่อนที่ น่าจะอยู่นานๆหน่อย ตั้งแค่ 3-7 วัน ยังน้อยเกินไป ช่วยกันบริจาคนะครับ

มอบโอกาส ให้เด็กๆ ที่อาศัยอยู่ตามหมู่บ้านห่างไกลใน จ.แม่ฮ่องสอน

บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ร่วมกับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) เปิดโครงการระดมทุนเพื่อนำห้องสมุดเคลื่อนที่และกิจกรรมส่งเสริมการอ่านไปยังเด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ตามหมู่บ้านห่างไกลใน จ.แม่ฮ่องสอน โดยผลสำรวจระดับชาติพบว่าเด็กในประเทศไทยจำนวนมากยังขาดทักษะการอ่านและขาดหนังสือสำหรับเด็กไว้อ่านที่บ้าน

ปีนี้ท็อปส์ได้ร่วมระดมทุนกับ ยูนิเซฟภายใต้ โครงการ “รถห้องสมุดเคลื่อนที่” เพื่อจัดซื้อรถสมุดเคลื่อนที่ ซึ่งบรรจุหนังสือสำหรับเด็กและเจ้าหน้าที่ประจำรถเดินทางไปตามโรงเรียนอนุบาลและประถมศึกษาในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งรวมถึงหมู่บ้านบนภูเขาในจ. แม่ฮ่องสอน จำนวน 33 โรงเรียนเพื่อนักเรียนกว่า 700 คน

davikah

ภายใต้โครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ ซึ่งสนับสนุนโดยยูนิเซฟและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอนเขต 1 นั้น จะมีรถบรรจุหนังสือสำหรับเด็กและเจ้าหน้าที่ประจำรถเดินทางไปตามพื้นที่ห่างไกล เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ต่าง ๆ โดยเมื่อรถเดินทางไปถึงจะมีการจัดนิทรรศการหนังสือและโครงการอ่านสำหรับเด็ก ๆ และผู้ปกครองในหมู่บ้าน เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ตลอดจนพัฒนาทักษะการอ่านของเด็ก และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการอ่านหนังสือกับลูก

อยากบริจาค ทำยังไง?

ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์บริจาคเงินขั้นต่ำครั้งละ 20 บาทที่จุดแคชเชียร์ ณ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนื้ – 31 ตุลาคม 2559 (ย้ำ ปี 2559)

อุปสรรคคืออะไร?

นายอานันท์ ปันยารชุน ทูตยูนิเซฟประจำประเทศไทย กล่าวในงานเปิดโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

“เราทราบดีว่าการอ่านหนังสือมีผลต่อการพัฒนาเด็กอย่างยิ่ง และเป็นรากฐานของการเรียนรู้ตลอดชีวิต แต่ด้วยความห่างไกลและขนาดของโรงเรียนที่เล็กมากในพื้นที่ชนบท ทำให้โรงเรียนไม่สามารถจัดซื้อหนังสือดีมีคุณภาพเหมาะสมสำหรับเด็กทุกคนในชุมชนเหล่านั้นได้”

ภาพประกอบจาก Press Release และ Facebook Unicef Thailand