บันไดสู่ความสำเร็จของการเป็นบล็อกเกอร์

blogman1

เคยมีคำพูดและข้อความผ่านหูผ่านตา ว่าเป็นบล็อกเกอร์นี่ง่ายเนอะ เขียนๆไม่กี่นาที กระดิกขาก็รับเงินแล้ว เขียนอวยก็ได้เงินง่ายๆ คำพูดเหล่านี้อาจจะมาจากคนที่ยังไม่เคยเขียนบล็อกมาก่อน ผมขอนำเสนอข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่อยากจะเป็นบล็อกเกอร์จริงๆ แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่อยากเขียนบล็อกเพื่อรับเงิน เพราะหากคุณคิดแบบนั้น คุณดูถูกตัวคุณเองและคนอ่านตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว

บันไดสู่การเป็นบล็อกเกอร์

เชื่อว่า คนที่อยากเป็นบล็อกเกอร์ ส่วนหนึ่งอาจจะเห็นบล็อกเกอร์หลายคนมีรายได้จากการเขียนบล็อก แต่หากคุณคิดว่าเขียนบล็อกก็ได้เงิน คุณคิดผิดตั้งแต่แรกแล้ว ลองอ่านคำแนะนำของผมเพื่อเป็นบันไดสู่ความสำเร็จของการเป็นบล็อกเกอร์ก่อนเริ่มทำ

ตั้งเป้าหมาย

ก่อนจะทำอะไร ตั้งเป้าหมายเสียก่อน สำหรับผม เขียนบล็อกเพราะอยากแชร์ อยากแบ่งปัน และชอบการเขียน ส่วนตัวผมนั้น รู้ว่าตัวเองชอบการเขียน จากการเขียนไดอารี่ ดังนั้น การเป็นบล็อกเกอร์ของผม มาจากจุดประสงค์คือ อยากเป็นนักเขียน เพราะผมชอบเขียน ก่อนเป็นบล็อกเกอร์  ผมแบ่งปันเนื้อหาในกระทู้ Pantip แต่กลัวกระทู้ถูกลบ จึงเขียนรวบรวมไว้บนบล็อก เพราะเสียดายเนื้อหาหากกระทู้ต้องถูกลบทิ้งไป อันที่จริงผมอยากเป็นนักเขียน ชอบเขียนไดอารี่ แชร์ประสบการณ์ บอกเล่าต่างๆ

ส่วนเป้าหมายเรามุ่งหวังจะเป็นบล็อกที่ดัง หรือมีรายได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับความขยัน และความสม่ำเสมอของเนื้อหาในการนำเสนอของแต่ละคน ที่ทำให้ agency เห็นความตั้งใจ และไว้วางใจในการจ้างงานเรา อาจจะต้องใช้เวลาหลายปี ไม่ใช่เปิดบล็อกขึ้นมารับเงินเขียนอวยได้ตัง มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น อย่าดูถูกตัวเอง

blog-headerต้องใช้เวลา

มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น ถ้าคิดจะเปิดบล็อก เขียนอวย รับเงิน ได้เงิน เพราะกว่าจะถึงวันนี้ ผมเล่น Pantip มาสิบกว่าปี ตั้งแต่ Pantip ยุคแรกๆ เขียน bloggang, oknation, exteen, wordpress มาแล้วร่วมๆ 5 ปี ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ ไม่ยาก และไม่ง่าย มันต้องใช้เวลาครับ

ต้องลงทุนบ้าง

ถ้าใครจะมองว่า เป็นบล็อกเกอร์ ดีนะ ไปงานแถลงข่าว กินฟรี ได้ของมารีวิว จริงๆมันไม่ใช่แบบนั้น เพราะบล็อกเกอร์ไปงานเพื่อสานสัมพันธ์กับแบรนด์ กับเพื่อนๆ มีกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนกัน งานเลิก 20.30 – 21.00น. กลับบ้านไปก็เขียนบล็อก ทวิต รีวิวสินค้า บอกเล่าาว่างานที่เพิ่งไปร่วมมีอะไรน่าสนใจบ้าง การเข้าหาแบรนด์นี่สำคัญ ความขยันของคุณ ความสม่ำเสมอของคุณ จะทำให้แบรนด์เห็นว่า คุณตั้งใจจริง แต่อย่าคิดว่าทำเพื่ออวยหรือโปรโมทนะ เพราะของแบบนี้ เขาดูกันไปยาวๆ และใช้เวลานานในการตัดสิน ผมไปงานต่างๆ พยายามเขียนบอกเล่าสิ่งต่างๆ ให้แบรนนด์ได้ประโยชน์ ใช่ว่าไปงานแบบนี้ได้กินข้าวฟรี อันที่จริง เสียค่าจอดรถ ค่ารถ ถ้าไม่มีรถก็กลับแท็กซี่ คุณต้องลงทุนบ้าง ไม่ใช่เอาแต่อยากได้ แล้วไม่ลงทุน คติของผมคือ ทำให้เต็มที่ ทำให้เต็มร้อย ทำให้แบรนด์ได้ประโยชน์

หมั่นเรียนรู้

เป็นคนชอบค้นหาข้อมูล หาสิ่งใหม่ๆ มานำเสนอในบล็อกให้น่าสนใจและแตกต่างไปจากคนอื่นๆ เชื่อไหมว่าบล็อกในไทยมีหลายแสนบล็อก (ยังไม่ถึงล้าน) แต่ก็มีคอนเทนต์แปลกๆมากมาย คนที่ทำเนื้อหาให้น่าสนใจ จะได้รับการบอกต่อบน Social Media

เร่งศึกษา

อย่าอายถ้าไม่รู้ ถ้าได้คุยกับคนอื่นๆ ลองสอบถาม หาข้อมูลจากผู้รู้ แล้วเราก็นำเรื่องราวมาบอกเล่าต่อได้

หาอะไรใหม่ๆ

อย่ายึดติดกับแค่การเขียนบล็อก ลองทำอะไรที่สนุกและเพลิดเพลินกับการบอกเล่า เช่น ไปเที่ยวที่ไหนก็ถ่ายภาพ เขียนแนะนำ ทำให้บล็อกแตกต่างและน่าสนใจ

สม่ำเสมอ

สมัยผมเขียนบล็อกช่วงแรกๆ พยายามเขียนให้สม่ำเสมอ เขียนให้ได้ทุกวัน ย้ำ ทุกวัน จะเช้า สาย บ่าย เย็น ขอให้ได้เขียน มี Social Network อะไรก็แชร์ไป ถ้าประเด็นน่าสนใจคนก็เข้าไปอ่านและแบ่งปันแชร์ต่อ สมัยแรกๆผมไปงานช่วงค่ำ แล้วเขียนบล็อกตอนดึกให้เสร็จภายในคืนนั้นเลย ฟังดูเหมือนเหนื่อย ต้องพยายามเยอะ บางคนคิดว่า กลับมาก็เหนื่อยแล้ว จะให้เขียนบล็อกอีกเหรอ ถ้าคุณทำด้วยหัวใจของการแบ่งปัน มันทำได้ครับ บางงานผมกลับบ้าน 4 ทุ่มครึ่ง ผมก็เขียนบล็อกถึงเที่ยงคืน แล้วเนื้อหาของเราจะสดใหม่ เผยแพร่ให้คนอ่านก่อนบล็อกอื่นๆ ที่อาจจะเผยแพร่ในวันถัดๆไป ซึ่งหมดความสดใหม่ไปแล้ว

อดทน และเพียรพยายาม

บล็อกเกอร์ อาจจะใช้เวลาว่างในการเรียน ทำงาน เพื่อเขียนบล็อก เหมือนเขียนไดอารี่ แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบเขียน คงจะต้องอดทนและพยายามในการสร้างสรรค์เนื้อหาให้น่าสนใจ แรกๆ อาจจะเหนื่อย ไม่มีรายได้เข้ามา มีค่ารถ ค่าจอดรถ ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร ค่าเสียเวลาสารพัด แต่ถ้าสุดท้ายคุณทำได้ แบรนด์หรืออเจนซี่เห็นความสามารถของคุณ รายได้ก็มีโอกาสวิ่งเข้าหาคุณ

หาพันธมิตร

Blog

เราไม่สามารถยืนอยู่คนเดียวในโลกได้ One Man Show ไม่ได้สร้างให้ใครอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร อย่าริอยากเป็นบล็อกเกอร์โด่งดังที่หยิ่งไม่เห็นหัวใคร หาพันธมิตรไว้ ผู้ใหญ่เมตตา เอ็นดูเรา ก็จะมอบหมายงานให้ทำ ตัวอย่างผม แรกๆ ผมเล่นเวบบอร์ด Pantip.com ตั้งแต่ยุคแรกๆ ห้อง TechXchange ได้รับความช่วยเหลือจากพี่ศุภชัย ประเสิร์ฐเวชทนต์ ผมชอบเข้าห้องฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ เคยไปมิตติ้งกับเพื่อนๆในเวบบอร์ด เคยเล่น Pantip ห้องรัชดา – อุปกรณ์สื่อสาร จนมาถึงห้องมาบุญครองในปัจจุบัน ด้วยความที่ชอบการเขียน แชร์ ชอบคอมพิวเตอร์ มือถือ ไอที ก็เลยมาสู่การรีวิวสินค้าแบบ user review คือซื้อสินค้าเอง รีวิวเอง โดยรีวิวแรกๆของผมคือ Motorola W510 ที่ช่วงนั้นอาจจะโชคดีที่คนรีวิวรุ่นนี้น้อย เลยได้ลงใน ThaimobileCenter เรียกได้ว่ารีวิวด้วยเงินตัวเองล้วนๆ ไม่มีแบรนด์ไหนให้สินค้าเรามารีวิวเหมือนสมัยนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว หากบทความเราน่าสนใจ ก็จะมีเว็บไซต์ชั้นนำ นำบทความของเราไปเผยแพร่ให้คนอื่นๆได้รู้จักตัวเราด้วย

เข้าสังคมบ้าง

LG-blogger-optimus2x

ช่วงแรกๆ ผมออกงานบล็อกเกอร์แทบทุกวัน ออกงาน รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่มี กลับมาก็เขียนบล็อกจนดึก แล้วค่อยนอน เช้าก็ไปทำงานประจำ ทำเป็นประจำแบบนี้หลายปี จนเป็นที่รู้จักของเพื่อนๆบล็อกเกอร์ การเข้าสังคมบ่อยๆ ทำให้ผู้ใหญ่ แบรนด์ อเจนซี่เห็นความตั้งใจของเรา ยิ่งงานเพิ่งเลิกแล้วเห็นบล็อกเราเผยแพร่ แบรนด์หรืออเจนซี่ยิ่งยินดี เพราะเราช่วยประชาสัมพันธ์

แนะนำตัว

พวกงานสัมมนา งานเสวนา แม้จะเป็นวันเสาร์หรืออาทิตย์ ออกไปสภากาแฟกับคนอื่นๆบ้าง อย่าปิดตัวเองอยู่ในโลกออนไลน์ ไปเจอคนออฟไลน์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น แนะนำตัว ให้คนอื่นๆรู้จักเรา เราทำงานที่ไหนก็พูดคุยไป แม้จะไม่ได้ใช้บล็อกในการเชื่อมสัมพันธ์หรือแนะนำตัว แต่ก็ช่วยเหลือด้านหน้าที่การงานกันได้ รวมไปถึง ถ้าคุณเจ๋งพอ คนดังๆ เซเลป พร้อมที่จะโปรโมทคุณให้ดังจนเป็นที่รู้จัก เพราะเขายอมรับในความสามารถของคุณ

คติเดียว “ตั้งใจ และพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อคนอ่าน”

ความสม่ำเสมอในการเขียนบล็อก การสร้างเนื้อหาให้น่าสนใจ ดึงดูด มีข้อมูลอัพเดตสม่ำเสมอ หากเราตั้งใจและพยายามแล้ว ผลงานที่เราเขียน อาจจะไปสะดุดตาอเจนซี่ บริษัทโฆษณา พีอาร์ เพื่อจ้างให้เราเขียนบทความได้ แต่ทั้งนี้ อาจจะต้องใช้เวลา 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี หรือมีผลงานที่น่าสนใจ จนคนดังแนะนำและบอกต่อบล็อกเราให้อเจนซี่ได้รู้จัก นั่นคือโอกาสของรายได้ที่จะตามมา

ซื่อสัตย์ไม่โกง (ไม่อวย)

หากใครยังคิดว่า รับเงินอวยมาเขียนแล้วก็ได้เงิน คุณได้ดูถูกคนอ่านตั้งแต่แรกแล้ว การรับเงินมาเขียนอวย ผลเสียตกอยู่กับบล็อกเกอร์คนนั้นๆ เมื่อคนอ่านซื้อสินค้าไป แล้วใช้งานไม่ได้จริงอย่างที่โอ้อวดเกินจริง สุดท้ายความน่าเชื่อถือของบล็อกเราก็จะหายไป มันไม่คุ้มกับการรับเงินเลยสักนิด แล้วถ้าเป็นแบบนั้น ผมขอท้าเลยว่า ถ้าคนไม่อ่านบล็อกคุณ เพราะตัดสินว่าคุณอวยเกินจริง ถึงตอนนั้น แบรนด์จะช่วยเหลือคุณหรือเปล่า เดาได้เลยว่า แบรนด์เผ่นก่อนแล้วคร้าบ พี่น้องคร้าบบ สุดท้ายคนอ่านก็เป็นคนตัดสิน ไม่ต้องไปบอกว่าใครรับเงินมาอวย เพราะคนอ่านตัดสินเองได้ สุดท้ายถ้าอยากจะดับเพราะเงินแค่นี้ ก็เชิญครับ

ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา

รีวิวแรกๆในช่วงปี 2551 ที่ผมเริ่มทำรีวิวเอง จากกระทู้ในห้องมาบุญครอง มาถึง bloggang จนสุดท้าย ได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน blogger งานแรกของ LG กับรีวิว GM730 (และที่นี่แหล่ะ ที่ผมได้รู้จัก @darkmasterxxx และ @jokermaster619) ที่ผมเล่ามาซะยืดยาว ก็เพียงจะบอกว่า ผมเล่นเวบบอร์ด Pantip ร่วมสิบปี ผมเขียนบล็อกหลายปี กว่าจะได้เป็นบล็อกเกอร์แบบทุกวันนี้ จุดหมายปลายทางของการเป็นบล็อกเกอร์จนเป็นที่รู้จัก ต้องใช้เวลาหลายปี ในช่วงที่ผมเขียนบล็อก ผมไปงานต่างๆช่วงหัวค่ำ และเขียนบล็อกเสร็จภายในคืนนั้นเลย เพื่อให้เนื้อหาสดใหม่ และเผยแพร่ออกให้อ่านได้ทันเวลา

ผมมองว่า การเป็นบล็อกเกอร์ คือความตั้งใจในการเขียน ความพยายาม ความอยากสร้างเนื้อหาให้น่าสนใจ ความพยายามในการคิดรูปแบบการนำเสนอใหม่ๆให้น่าสนใจ เพื่อให้คนอ่านได้อ่านเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และหากคนอ่านเห็นข้อดีของสินค้า แล้วไปซื้อ แบรนด์ก็ได้ประโยชน์ด้วย

เป็นบล็อกเกอร์แล้วมีรายได้จริงหรือ

กลับมาถึงคำถามที่ว่า เป็นบล็อกเกอร์นี่ง่ายจัง เขียนอวยก็ได้ตัง อันนี้ผมต้องบอกก่อนว่า ครั้งแรกที่ผมเขียนรีวิว เพราะซื้อเอง ชอบ และอยากแบ่งปัน เขียนมาเรื่อยๆ เขียนบล็อกสม่ำเสมอ มีการอัพเดตข้อมูลในบล็อกเป็นประจำ ผมเขียนทั้ง Pantip, bloggang, exteen, oknation, wordpress จนมาถึงบล็อก yokekungworld.com ผมเขียนบล็อกจริงๆมาร่วม 5 ปี ยังไม่รวมบทความใน Pantip ที่ได้เผยแพร่บทเว็บไซต์ Thaimobilecenter ด้วย สุดท้ายการเป็นบล็อกเกอร์ ถ้าอยากมีรายได้ อย่าไปคาดหวังว่าจะมีรายได้จากการเขียนบล็อก เพราะเราควรจะทำเนื้อหาให้น่าสนใจ คนเข้ามาอ่านเยอะ แบรนด์หรืออเจนซี่ก็อยากจะเอาเงินมาจ่ายให้เราเอง ผมเองเขียนบล็อกมาหลายปี ก็ไม่เคยคิดฝันหรอกว่าจะมีรายได้ แรกๆก็เสียเงินไปกับการซื้อมือถือมากมาย แต่ด้วยความพยายาม ตั้งใจและสม่ำเสมอในการเขียนบล็อก ทำให้ผมมีวันนี้

แต่เงินที่ผมได้ในตอนนี้ ก็ไม่ใช่ว่าได้จากการเขียนบล็อก แต่ได้จากการเขียนโฆษณา advertorial ได้จากการเขียนคอนเทนต์ให้สินค้า แต่หากใครคิดว่าเขียนอวยแล้วรับเงิน สุดท้ายคนอ่านก็ตัดสินเองได้ และเลือกที่จะไม่อ่านบล็อกของเราสุดท้ายคนไม่เข้าบล็อกเรา อเจนซี่ก็จากไป

ดังนั้น สรุปได้ว่า หากอยากจะมีรายได้จากการเขียนบล็อก ต้องมาจากความตั้งใจ และต้องใช้เวลาหลายปี เราไม่รู้หรอกว่าโอกาสจะมาถึงเราเมื่อไหร แต่ทำให้ดีที่สุด เพื่อคนอ่าน เพราะเราเขียนบล็อกด้วยจุดประสงค์ให้คนอ่านได้ประโยชน์

พยายามเข้า

จากความสำเร็จของผม ผมไม่ได้หวังว่าความสำเร็จในการเขียนบล็อกจะมาจากการมีรายได้ แต่ผมดีใจมาก เมื่อมีคนอ่านรีวิว แล้วซื้อสินค้าของแบรนด์ นั่นคือผมทำหน้าที่บล็อกเกอร์ สื่อสารสิ่งที่แบรนด์อยากบอก บอกต่อไปยังคนอ่านได้ผลสำเร็จแล้ว ความสำเร็จของผมคือ ความสุขของคนผ่าน ดังสโลแกนส่วนตัวของผมคือ “ความสุขของคุณ คือความสุขของเรา”

อวยแล้วมีรายได้ อย่าได้คิด

จากการเขียนบล็อกมาร่วม 5 ปี การเขียนบล็อก ไม่มีรายได้หรอกครับ รายได้ผมตอนนี้มาจากการเขียนบทความ เป็น Content Provider ป้อนให้เว็บไซต์ต่างๆ รายได้ผมมาจากเว็บไซต์เหล่านี้ต่างหาก รายได้จากการเขียนบล็อกก็มีเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้าจะฝันว่าเขียนอวยรับเงินเนี่ย เงินที่ได้มันไม่คุ้มกับภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองเราและบล็อกเราก็พังภายในพริบตา

ถ้าถามว่าบล็อกเกอร์รับเงินหรือไม่ คำตอบคือ มีการรับเงิน แต่ไม่ใช่อวย ไม่ใช่การโฆษณาเกินจริง เป็นเพียงการรับประกันว่า รับสินค้าไปจะเขียนลงบล็อกเผยแพร่ให้เท่านั้น การเขียนอวยจะเป็นผลเสียหนักกว่าผลดี เพราะหากผู้อ่าน ซื้อสินค้าไปแล้วพบว่า สินค้านั้นไม่ได้ดีจริงๆ อย่างที่บล็อกเกอร์คนนั้นโฆษณาอวดอ้าง ผลสุดท้ายผลเสียก็ตกอยู่ที่บล็อกเกอร์คนนั้นๆ เพราะผู้อ่านไม่เชื่อถืออีกแล้ว เมื่อไม่มีคนอ่านบล็อก คนไม่เชื่อถือ ก็ไม่มียอดชมที่จะเสนออเจนซี่ต่างๆได้ คุณก็ไม่ได้เงิน ทุกอย่างมีบทลงโทษของมันเอง ใครทำอย่างไร ก็ได้อย่างนั้น

จุดยืนคือผู้อ่าน และแบรนด์

บล็อกเกอร์เอง ต้องมีจุดยืน ในการเขียน แม้ว่าจะมีรายได้เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการเขียน แต่สิ่งสำคัญคือการบอกสิ่งที่เป็นประโยชน์ บอกข้อเท็จจริงให้คนอ่านได้ทราบ บอกข้อดี ข้อเสีย หรือข้อสังเกต ให้คนอ่านได้ทราบ เพื่อไม่ให้ไปด่าแบรนด์ในภายหลังว่าแบรนด์ไม่บอก หรือบล็อกเกอร์เองก็ต้องทำตัวเป็นลูกค้า คำโฆษณาใดที่แบรนด์อวดอ้าง ก็ทดสอบ หากดีจริงก็บอกต่อ หากไม่ดีจริงๆก็บอกให้หลีกเลี่ยง เพื่อผลประโยชน์ผู้อ่าน และแบรนด์ ไม่ใช่เพื่อเงิน

การรับค่าตอบแทนในการเขียนบล็อก มีเพื่อรับประกันว่า บล็อกนั้นจะเขียนและเผยแพร่ภายในเวลาที่กำหนด ต่างจากการรับสินค้ายืมมาทดสอบ ซึ่งบางคนอาจจะเขียน หรือไม่เขียนบล็อกก็ได้ แต่โดยมารยาทและการให้เกีรยติแบรนด์ เขาเชิญไปงาน มีน้ำ ขนม อาหารให้ทาน ก็ช่วยเหลือกัน บอกข้อเท็จจริง บอกเล่าการใช้งานให้ผู้อ่าน

เรื่องที่เกี่ยวของ

10 เทคนิคการก้าวสู่อาชีพ Blogger แบบหาตังค์ได้ – Freeware.in.th : 3 นาทีเพื่อพีซีถูกลิขสิทธิ์ 

10 เทคนิคการเป็นบล็อกเกอร์อย่างไร “ให้ไม่ได้ตังค์”