เริ่มต้นใช้ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ ต้องรู้อะไรก่อนบ้าง?

fulfillment e-commerce service

การเปิดร้านค้าออนไลน์ในยุคนี้ไม่ใช่แค่การมีเพจ Facebook หรือเว็บไซต์ธรรมดา แต่สิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรพิจารณาคือ การใช้ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ เพื่อช่วยให้การทำงานทุกด้านของร้านมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสต็อกสินค้า การจัดส่ง การรับออเดอร์ หรือการวิเคราะห์ยอดขาย

แต่ก่อนจะเริ่มใช้งานระบบเหล่านี้ มีหลายสิ่งที่เจ้าของร้านควรรู้ เพื่อให้เลือกใช้งานได้อย่างคุ้มค่า และเหมาะกับรูปแบบธุรกิจของตนเองที่สุด

1. ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ คืออะไร?

ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ คือ แพลตฟอร์มหรือซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุม ดูแล และบริหารจัดการร้านออนไลน์ในด้านต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่รับคำสั่งซื้อ, อัปเดตสต็อก, พิมพ์ใบจัดส่ง, เชื่อมต่อกับขนส่ง หรือแม้แต่สรุปรายงานยอดขายแบบเรียลไทม์
ระบบเหล่านี้มักออกแบบมาเพื่อช่วยลดงานซ้ำซ้อน ลดความผิดพลาด และประหยัดเวลาให้กับผู้ขายได้มาก

2. วิเคราะห์ความต้องการของร้านก่อน

ก่อนจะเลือกใช้ระบบใด ๆ ควรวิเคราะห์ก่อนว่าร้านค้าของคุณมีลักษณะอย่างไร เช่น

  • ขายสินค้ากี่ชิ้น/เดือน
  • มีช่องทางขายกี่ช่องทาง (Shopee, Lazada, Facebook, เว็บไซต์ ฯลฯ)
  • ต้องการระบบสต็อกแบบละเอียดหรือไม่
  • ต้องการออกใบกำกับภาษีหรือเชื่อมต่อกับระบบบัญชีหรือเปล่า

การรู้ความต้องการของตัวเองจะช่วยให้คุณเลือกฟีเจอร์ที่เหมาะสม และไม่จ่ายแพ็กเกจเกินจำเป็น

3. เลือกแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้

ปัจจุบันมีระบบจัดการร้านค้าออนไลน์หลากหลายแบรนด์ ทั้งของไทยและต่างประเทศ เช่น Page365, Zort, Shopify, BentoWeb, และอื่น ๆ การเลือกควรดูว่า:

  • รองรับหลายช่องทางขายหรือไม่ (Omnichannel)
  • ใช้งานง่ายหรือมีคู่มือให้
  • มีทีม Support ช่วยเหลือไวแค่ไหน
  • มีการอัปเดตระบบอย่างต่อเนื่องไหม
  • ค่าบริการรายเดือนเหมาะสมกับขนาดธุรกิจหรือไม่

4. เรียนรู้พื้นฐานการใช้งาน

หลังจากเลือกแพลตฟอร์มได้แล้ว อย่าลืมศึกษาและทดลองใช้งานระบบให้เข้าใจพื้นฐาน เช่น การลงสินค้า การตั้งราคาพิเศษ การสร้างโปรโมชั่น หรือการพิมพ์ใบปะหน้าส่งพัสดุ
หลายระบบมีคลิปสอนหรือมีอบรมฟรีให้กับผู้ใช้ใหม่ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ควรใช้เพื่อให้ใช้งานระบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

5. เชื่อมต่อกับระบบขนส่งและการชำระเงิน

ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ที่ดีควรเชื่อมต่อกับขนส่งหลัก เช่น Kerry, Flash, SCG Express หรือระบบเก็บเงินปลายทาง (COD) รวมถึงช่องทางชำระเงินเช่น QR Code, บัตรเครดิต หรือ e-wallet
เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อย ลูกค้าจะได้รับความสะดวกมากขึ้น และคุณก็สามารถติดตามสถานะการจัดส่งและยอดชำระได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

6. วางแผนการเติบโตของร้าน

อย่ามองแค่การใช้งานระยะสั้น เพราะเมื่อร้านเติบโตขึ้น คุณอาจต้องใช้ระบบเพิ่มเติม เช่น ระบบ CRM, ระบบวิเคราะห์ยอดขาย, หรือระบบบัญชี ถ้าระบบที่เลือกสามารถขยายได้ในอนาคต ย่อมดีกว่าการย้ายระบบใหม่ทีหลัง

การเริ่มต้นใช้ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ ไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณรู้ความต้องการของร้าน เข้าใจฟีเจอร์ที่จำเป็น และเลือกแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ การใช้ระบบที่ดีจะช่วยลดความวุ่นวายของการบริหารร้าน ให้คุณมีเวลาไปโฟกัสกับการขยายยอดขายและดูแลลูกค้าได้อย่างเต็มที่

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save