ได้มีโอกาสร่วมงาน S4 Rally The first to experience galaxy S4 กับเหล่าบรรดาบล็อกเกอร์ ได้เห็นถึงความพยายามของ Samsung โดยคุณวิชัย พรพระตั้ง หัวเรือใหญ่ฝั่งธุรกิจโมบายล์ ก็เลยเอามาบอกเล่ากัน
ดีใจที่ตอนนี้แบรนด์มือถือเลิกข่มสเปค หันหลังให้การแข่งขันหั่นสเปค ตัดราคา มาขายนวัตกรรม แบบนี้ผู้ใช้ได้ประโยชน์แบบเต็มๆ
ตั้งงแต่ Samsung เปิดตัว Galaxy SIII Design for human, Inspired by nature ที่เรียกได้ว่าเป็นการขายนวัตกรรม หลังจากที่ Samsung ออก Galaxy S, SII มาด้วยพละกำลังเข็นสเปคออกมาสู้กันในตลาดระดับบน
ฟังก์ชั่นเหล่านี้ ทำให้มนุษย์ connect กันได้จริง สื่อสารกันได้จริง ตัวอย่างเช่น การคุยแบบ VDO Call บนแอพ ChatON และการแตะเพื่อรับส่งไฟล์ผ่าน S Beam
จุดขายของ Samsung ไม่ใช่การแข่งสเปคอีกต่อไป แต่เป็นการแนะนำนวัตกรรมให้กับคนไทย แต่ด้วยความที่คนไทยขยาดและกลัวกับคำว่านวัตกรรม กลัวเทคโนโลยี ยังไม่กล้าใช้งาน กลัวเสีย กลัวพัง กลัวใช้งานยาก กลัวใช้ไม่เป็น Samsung จึงขายเป็นนวัตกรรมที่เชื่อมโยงกับการใช้งานจริง โดยอาศัยการพัฒนาจากแรงบันดาลใจจากพฤติกรรมธรรมชาติของมนุษย์ อย่างเช่นการเรียกพนักงานเสิร์ฟ ก็ใช้การโบกมือ กวัดมือ จึงเป็นที่มาของ Gesture บน Samsung Galaxy S4
ตัวอย่างของการพัฒนาเกิดจากการอยากให้ชีวิตดีขึ้น ดูวีดีโอแล้วรำคาญเวลากำลังอินแล้วมีคนโทรเข้ามา Samsung Smart Pause ก็มาช่วยในจุดนี้ หรืออยากนอนสบายๆอีกมือหนุนหัว ใช้งานมือเดียวได้แม้อีกมือไม่ว่าง Gesture เข้ามาช่วยได้มาก
คำว่า คู่ชีวิต อาจจะดูเสี่ยว แต่มันมาจากคำว่า Life Companion ซึ่งทาง Samsung ได้เปลี่ยนมาจำกัดความว่า “ให้มือถือเป็นทุกอย่างสำหรับคุณ” หลังจากที่ Samsung Galaxy S3 “ให้มือถือกับคุณเป็นหนึ่งเดียว” ดังนั้น ฟังก์ชั่นต่างๆบน Samsung Galaxy S4 นั้น หลายคำสั่ง Gesture นั้นเป็นความสามารถตามธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว
สำหรับยอดขาย แต่ Samsung Galaxy Series ในแต่ละเครื่อง ทำไม Samsung ถึงมั่นใจ ก็เพราะ Samsung Galaxy S ทำยอดจำหน่ายได้ 20 ล้านเครื่อง SII 28 ล้านเครื่อง SIII 50 ล้านเครื่อง ครั้งนี้ Samsung มั่นใจ 100 ล้านเครื่อง!!!
งานนี้ Samsung อยากให้คนไทยใช้งานมือถือเพื่อช่วยให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้น รอดูกันต่อไป และเอาใจช่วย Samsung ครั้ง และฝากไว้กับบริการหลังการขายที่ต้องมั่นใจได้แลกกับความไว้วางใจของผู้ใช้ด้วย