ประกันรถ ev, car insurance electric vehicle, car insurance, ประกันรถยนต์ชั้น 1 EV, ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+ EV, ประกันรถยนต์ชั้น 3 EV

ประกันรถ EV มีกี่ประเภท เลือกอย่างไรให้คุ้มค่า ?

ในยุคที่เทรนด์การใช้พลังงานสะอาดและการรักษาสิ่งแวดล้อมกำลังได้รับความสนใจ “รถยนต์ไฟฟ้า” หรือที่เรียกกันว่า EV (Electric Vehicle) กลายเป็นทางเลือกใหม่ของผู้ขับขี่ชาวไทยอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเพราะช่วยลดการปล่อยมลพิษ แต่ยังมีค่าใช้จ่ายในการใช้งานระยะยาวที่คุ้มค่ากว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ทำให้หลายคนหันมาซื้อรถ EV กันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อมีรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์น้ำมันหรือรถ EV สิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือ การประกันรถ EV เพื่อคุ้มครองทั้งตัวรถและผู้ขับขี่ในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน

ทำไมรถ EV ต้องมีประกันเฉพาะ ?

รถยนต์ไฟฟ้ามีโครงสร้างและการทำงานที่แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป โดยเฉพาะแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ซึ่งหากเกิดความเสียหาย ค่าซ่อมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนมักมีราคาสูงมาก การมีประกันรถ EV จึงช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายส่วนนี้ รวมถึงยังมีความคุ้มครองเพิ่มเติมเฉพาะที่ออกแบบมาสำหรับรถ EV เช่น ความเสียหายต่อสถานีชาร์จ (Wallbox) หรืออุปกรณ์ชาร์จไฟ

ประกันรถ EV มีกี่ประเภท ?

โดยหลักแล้วประกันรถ EV มีรูปแบบคล้ายกับประกันรถยนต์ทั่วไป แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่

1. ประกันรถยนต์ชั้น 1 สำหรับ EV

  • คุ้มครองครบถ้วนที่สุด ทั้งกรณีรถชนทุกฝ่าย รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม และความเสียหายต่อแบตเตอรี่หรือระบบไฟฟ้า
  • เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งซื้อรถใหม่หรือรถราคาสูง เพื่อความอุ่นใจสูงสุด

2. ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+ สำหรับ EV

  • คุ้มครองกรณีรถชนกับยานพาหนะทางบก มีความคุ้มครองต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
  • บางแผนมีการครอบคลุมถึงความเสียหายจากไฟไหม้หรือโจรกรรม
  • เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดค่าเบี้ยประกันแต่ยังอยากได้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมระดับหนึ่ง

3. ประกันรถยนต์ชั้น 3 สำหรับ EV

  • เน้นคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก หากเกิดอุบัติเหตุที่ผู้ขับเป็นฝ่ายผิด
  • ไม่ครอบคลุมความเสียหายของรถตนเอง เหมาะกับผู้ที่ใช้รถไม่บ่อย หรือต้องการจ่ายเบี้ยประกันในราคาประหยัดที่สุด

วิธีเลือกประกันรถ EV ให้คุ้มค่า

การเลือกประกันรถ EV ไม่ใช่แค่การเลือกตามราคาเท่านั้น แต่ควรพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ตรงความต้องการและคุ้มค่าที่สุด

1. พิจารณาความคุ้มครองเกี่ยวกับแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้า

เนื่องจากเป็นหัวใจหลักของรถ EV ค่าเปลี่ยนหรือซ่อมแบตเตอรี่อาจสูงถึงหลักแสน การเลือกประกันที่ครอบคลุมจุดนี้ถือว่าสำคัญมาก

2. ความคุ้มครองต่ออุปกรณ์ชาร์จไฟ

หากคุณติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้าน ควรเลือกประกันที่ครอบคลุมอุปกรณ์เหล่านี้ด้วย เพราะเป็นสิ่งที่มีโอกาสเสียหายจากไฟฟ้าลัดวงจรหรืออุบัติเหตุ

3. บริการเสริมและศูนย์ซ่อมที่รองรับรถ EV

รถ EV ต้องการช่างผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์เฉพาะในการซ่อม ควรตรวจสอบว่าบริษัทประกันมีอู่หรือศูนย์ซ่อมที่ได้มาตรฐานสำหรับรถ EV หรือไม่

4. ค่าเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับงบประมาณ

แม้ประกันชั้น 1 จะครอบคลุมมากที่สุด แต่ค่าเบี้ยอาจสูง หากคุณใช้รถไม่บ่อยหรือใช้ในพื้นที่เสี่ยงน้อย อาจเลือกประกันชั้น 2+ หรือ 3+ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

5. ชื่อเสียงและบริการของบริษัทประกัน

บริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ เคลมง่าย และให้บริการหลังการขายที่ดี จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าได้รับการดูแลอย่างแท้จริง

การทำประกันรถ EV ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพราะช่วยคุ้มครองทั้งความเสียหายของรถ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมระบบไฟฟ้า รวมถึงสร้างความมั่นใจทุกครั้งที่ขับขี่ โดยประเภทประกันมีทั้งชั้น 1, 2+/3+, และชั้น 3 ซึ่งแต่ละแบบให้ความคุ้มครองต่างกันออกไป ดังนั้น การเลือกประกันรถ EV ที่คุ้มค่าที่สุด ควรดูทั้งความครอบคลุม ค่าเบี้ย และความน่าเชื่อถือของบริษัทประกัน เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งด้านความปลอดภัยและความคุ้มค่าในระยะยาว

/ / / / / / / / / / /

Nunchavit Chaiyapaksopon

สนใจงานเขียน มาตั้งแต่ อ่านนิตยสาร จนได้เขียนในนิตยสารคอมพิวเตอร์ มือถือ จนมาเป็น Blogger เขียนบนออนไลน์ สนใจมือถือ สมาร์ทโฟน การตลาดออนไลน์ ชอบ Social Media อยู่กับโลกสังคมออนไลน์ 20 ชั่วโมงต่อวัน ปัจจุบัน เป็น Content Editor เว็บไซต์ ADSLThailand.com, ทำวีดีโอบน YouTube YokekungWorld ติดตามได้ที่ Twitter Facebook Instagram ทุกบริการใช้ชื่อ yokekung

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.