เมื่อเราสลับที่กันยืน เราจะได้เห็นอะไรมากขึ้น

216 พรุ่งนี้แล้วสินะ S4 อยากแยกร่างงงงงงงงงง แบบนี้ ทำได้ไง อ่านบล็อก yokekungworld จ้า

ปกติแล้วคนเราเวลาทำอะไร เรามักจะไม่รู้ หรือคิดไม่ถึงหรอกครับ ว่าคนอื่นเขามองเราอย่างไร ผมเองเป็นคนที่ชอบคิดแทนคนอื่น ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องดี แม้จะหาข้ออ้างกับตัวเองว่า กลัวเขาจะมองอย่างนั้น กลัวเขาจะคิดแบบนี้ จากแต่ก่อนผมเคยคิดว่ามันคือการแคร์คนอื่น แต่จริงๆแล้วการคิดแทนคนอื่น กังวลแทนคนอื่น มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเลย แถมความคิดที่คิดแทนนั้น กลับคิดผิดไปจากความเป็นจริงเสียอีก

ข้อความที่ว่า เมื่อเราสลับที่กันยืน เราจะได้เห็นอะไรมากขึ้น ผมจำได้ว่าเพื่อนผม Pleplejung เป็นคนเขียนบล็อกนี้ “ความผิดเล็กน้อยของคุณ อาจไม่น่าให้อภัยสำหรับใครอีกคนก็ได้… “ในเวลาที่ 2 คน สลับที่กันยืน” อย่าตัดสินคนอื่นว่าผิด เพียงแค่เค้าคิดไม่เหมือนเรา” ข้อความนี้ ทำให้ผมกลับมาคิด ว่าการสลับที่กันยืน ทำให้เรารู้ว่าคนอื่นคิดยังไง ไม่ใช่การคิดแทนกัน เพราะเรายังไม่เคยสลับที่กันยืนเลยไม่ใช่หรือ?

ภรรยาผมก็แนะนำเรื่องนี้ เพราะผมเองเป็นคนชอบคิดแทนคนอื่น ก่อนหน้านี้เคยมองแบบเข้าข้างตัวเองว่า เพราะเราแคร์คนรอบข้าง กลัวว่าจะเป็นแบบนั้น เกรงว่าจะเป็นแบบนี้ ซึ่งมันไม่ใช่

ตั้งแต่ที่ผมเคยตั้งเป้าหมายกับโครงการ Make THE Difference ผมก็ได้รับรู้ความรู้สึกของการสลับที่กันยืน ผมตั้งเป้าหมายว่าจะไม่กดมือถือขณะโดยสารบนรถไฟฟ้า ไม่กดมือถือขณะขึ้นลงบันได ไม่กดมือถือขณะเดิน พอผมได้ลองทำตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ผมก็รับรู้ถึงความรู้สึก “สลับที่กันยืน” คือเราเป็นคนที่เคยกดมือถือ เอาแต่กดๆๆๆก้มหน้ากดมือถือ ไม่สนใจใคร โลกส่วนตัวมากๆ เปลี่ยนสลับเป็นคนไม่กดมือถือ เดินเอามือล้วงกระเป๋า ใส่หูฟังบ้าง เดินมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย เมื่อทำแล้วผมรู้ว่า การสลับที่กันยืน ทำให้ผมเข้าใจคนไม่กดมือถือเลยนะ ว่าเขารู้สึกอย่างไร โดยที่ไม่ได้คิดแทนเขา แต่ลงมายืนตำแหน่งเดียวกับเขาแล้วมองออกไปตามจริง

– ตอนที่ขึ้นรถไฟฟ้า ผมไม่กดมือถือ มองไปข้างๆ แทบทุกคนกดมือถือ ผมเฝ้ามองพฤติกรรมแต่ละคนว่ากดมือถือ ทำอะไรกันบ้าง มีบางครั้งเรารำคาญคนกดมือถือแล้วยืนขวางทางเข้าออกรถไฟฟ้า ตอนที่ผมเคยกดมือถือ ผมอาจจะสร้างความรำคาญให้กับคนอื่นๆที่ไม่ได้กดมือถือแบบนี้ก็ได้

– ตอนที่ผมขึ้นลงบันได ผมเห็นคนกดมือถือเดินช้า ผมพยายามเดินแซงลงไป ทำให้เรารู้ว่า กดมือถือไป ขึ้นลงบันไดไป ทำให้เราเดินช้า จนขวางทางคนอื่น โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว เพราะจดจ่อกับมือถืออยู่นั่นเอง ก่อนหน้านี้ผมขึ้นลงบันได ผมเก็บมือถือใส่กระเป๋า หรือถือไว้กับมือไม่มองหน้าจอ เฮ้ย ในขึ้นลงบันไดเร็วกว่ากดมือถือแล้วขึ้นลงบันไดจริงๆนะ

– ตอนที่ผมเดิน ผมไม่กดมือถือ มองนั่นนี่ไปเรื่อย ผมเกือบโดนคนเดินไปกดมือถือไป ชนผมเข้าให้แล้ว แต่ผมเห็นก่อนก็เลยหลบเบี่ยงทางไป ตอนผมเดินกดมือถือ ผมอาจจะเกือบชนหลายๆคนเข้าให้แล้วก็ได้ หรือคนรอบข้างอาจจะรำคาญว่าไอ้นี่กดมือถือแล้วเดินช้าลง (เราไม่รู้ตัวหรอกครับว่าเดินช้าลง)

– พอเราไม่กดมือถือขณะเดิน ทำให้เราเดินเร็วขึ้น แซงทุกคนที่กดมือถือไป ใช้ชีวิตระวังขึ้น  มีสติมากขึ้น มองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง มองคนรอบข้าง

แต่ถามว่าผมรำคาญหรือมองว่าคนกดมือถือผิด หรือไม่มีมารยาทไหม? ผมเองก็เคยทำพฤติกรรมแบบนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้น คนอื่นๆที่เห็นเรากดมือถือ อาจจะมีความรู้สึกแบบที่เรารู้สึก นี่คือการสลับที่กันยืน

เมื่อเรายืนตำแหน่งนึง เราจะไม่เห็นมุมมองของอีกตำแหน่งนึง แต่เมื่อเราสลับที่กันยืน มันทำให้เราได้อะไรมากมาย เราเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นๆมากขึ้น เราเข้าใจว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเมื่อเราปฏิบัติตัวแบบนั้นบ้าง ก็ต่อเมื่อเราสลับที่กันยืนนั่นเอง

ความพยายามของผมในการไม่กดมือถือ มีสาเหตุจาก วันนึงผมกดมือถือเล่นบนรถไฟฟ้าตามปกติ แต่ผมปวดตามาก ทำให้ผมรู้ว่าผมใช้สายตาเยอะมากจริงๆ ผมต้องพักสายตาบ้างแล้ว การงดการกดมือถือในขณะเดินทาง เป็นวิธีช่วยให้ผมลดการมองหน้าจอ เพราะผมใช้คอมพิวเตอร์วันละเฉลี่ยเกือบ 20 ชั่วโมง และอีกความพยายามคือการไม่เอามือถือไปกดระหว่างนั่งส้วม อันนี้ยอมรับเลยว่าผมทำแบบนี้ แต่เฉพาะที่บ้าน ส่วนที่สาธารณะผมงดหมด ไม่กดมือถือเพราะมีคนรอต่อคิวส้วมอยู่ ผมอาจจะต้องหักดิบตัวเอง เหมือนที่เพื่อนผมเคยบอกว่า ตอนขับรถเขาปิด 3G เลย เพื่อไม่ให้เพ่งความสนใจกับ notification ต่างๆที่เป็นเหตุให้เรารีบร้อนหยิบมือถือขึ้นมากดระหว่างขับรถ

ผมได้เห็นคุณค่าของการสลับที่กันยืน จากการตั้งเป้าหมายใน MakeTheDifference ทั้งที่ตอนแรกเพียงอยากจะลดการมองหน้าจอเพื่อพักสายตาเท่านั้น แต่ผมกลับได้มุมมองอะไรใหม่ๆมากขึ้น

แต่ยอมรับว่ามีบ้างที่หยิบมือถือขึ้นมากด จะพยายามลดจนกลายเป็นงดให้ได้ ไปสร้างเป้าหมายร่วมกันกับผม หรือให้กำลังใจได้ที่ MakeTheDifference