เจาะลึกเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับนม U.H.T. สำหรับเด็ก

ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมเปิดบ้าน Enfa ตอน รู้ลึกเรื่องนมยูเอชที แล้วได้พูดคุยกับเพื่อนๆ คุณพ่อ คุณแม่ blogger และคุณหมอ ก็เลยเอามาฝากเพื่อนๆที่เป็นคุณพ่อ คุณแม่

หลายๆคนคงเคยสงสัยเหมือนผมว่า DHA, ARA มันมีประโยชน์อย่างไร หลายคนอาจจะคิดว่า มันเป็นกลยุทธ์ด้านการตลาด แต่คำบอกเล่าจากปากคุณหมอ นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ และพฤติกรรม คณะแพทย์ศาสตร์ วชิรพยาบาล บอกว่า DHA นั้น ปกติจะมีในนมแม่ เป็นสารที่ช่วยให้สารอาหารดูดซึมเข้าไปในผนังเซลล์ของเราได้ดีขึ้น ปกติแล้ว ผนังเซลล์ของเราจะเป็นไขมันเหมือนดินเหนียว ดูดซึมยาก พอมีสาร DHA ก็จะทำให้ดูดซึมได้ดี ที่นี้ DHA มีในนมแม่ ซึ่งดีและมีประโยชน์มากๆ แต่ในนมวัวนั้น ไม่มี DHA จึงต้องเติมเข้าไป ที่นี้หลายคนก็ถามว่า DHA ช่วยดูดซึมได้มากขึ้นจริงหรือ ถ้ามี DHA แล้วร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น แม้ว่าจะไม่มากนัก ก็ยังดีกว่าไม่มี แม้ว่าจะไม่มีอะไรที่ทดแทนนมแม่ได้ ดังนั้น ควรทานนมแม่ จะดีที่สุด แต่ถ้าดื่มนมวัว การมี DHA ก็จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น

การที่เด็กมีพัฒนาการดีเพราะทานนมแม่ นมแม่มีประโยชน์มาก แต่ถ้าเด็กทานนมแม่ไม่ได้ กรณีลูกผม แพ้นมวัว นมถั่วเหลือง ต้องทานนมกระป๋อง ทำให้ไม่ได้ทานนมแม่ ซึ่งเมื่อไม่ได้ทานนมแม่ก็จะไม่มี DHA ในนมอื่นๆ จึงต้องเลือกทานนมที่มีการเติม DHA เข้าไป ถึงแม้ว่า DHA ที่เติมเข้าไป จะไม่สามารถทดแทนนมแม่ได้ก็ตาม แต่ก็ช่วยในการดูดซึมได้เร็วขึ้น ลูกก็ได้สารอาหารมากขึ้น

การทานสารอาหารที่มี DHA นั้นก็มีประโยชน์สำหรับผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน เพราะ DHA มาจากปลาทะเลน้ำลึก แต่ถึงปลาจะมีประโยชน์ คุณหมอไม่แนะนำในการทานปลาซ้ำๆทุกวัน ควรจะเปลี่ยนจากปลาเป็นหมู ไก่ อาหารทะเลบ้าง (ถ้าทานได้และไม่แพ้) การทานอาหารซ้ำๆเป็นการสะสมสารพิษไว้ในร่างกาย ทำให้ร่างกายขับสารพิษออกไม่หมด เป็นมะเร็งได้ ถ้าเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ร่างกายขับสารพิษออกได้ทัน ก็จะดีมาก

คุณหมอแนะนำว่า สารอาหารของเด็ก ถ้าอายุไม่เกิน 1 ขวบ จะเน้นทานนมเป็นหลัก แต่ถ้าอายุ 1 ปีขึ้นไป แนะนำให้ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แล้วให้ดื่มนมเป็นอาหารเสริมแทน ส่วนใครที่ทานนมวัวได้ ถ้ามี DHA ก็จะดีมาก จะเป็นนมผงแบบยูเอชที หรือแบบผงชงก็ดีเหมือนกัน แบบชงจะดีตรงที่เราเลือกให้สารอาหารเข้มข้นอยากชงยังไงก็ได้ตามที่เราต้องการ ปกติน้ำ 1 ออนซ์ ต่อนม 1 ช้อน ก็อาจจะเพิ่มเป็นช้อนครึ่ง ต่อนม 1 ออนซ์ ก็จะได้รับสารอาหารและพลังงานมากขึ้น

มีคุณแม่ blogger ถามเรื่องนมกับสมาธิสั้น นมไม่ได้มีผลกับอาการสมาธิสั้นของเด็ก แต่เด็กสมัยนี้ถูกสิ่งเร้าเยอะมาก ทำให้สมาธิสั้น ใจไม่จดจ่อกับสมาธิการทำอะไรสักอย่าง อย่างตั้งใจ เพราะถูกสิ่งเร้ารบกวน

ในขณะที่เด็กบางคนกล่อมให้ตนเองนอนหลับด้วยการดููดขวดนมจนหลับ ก็มีคำถามเรื่องการเลิกดูดขวดนมของเด็ก คุณหมอแนะนำ 2 วิธีคือ หักดิบ เอาขวดไปซ่อน เก็บไว้ แล้วบอกลูกว่าเลิกกินขวดแล้ว หักดิบให้เขากินนมจากหลอดหรือแก้วแทน อาจจะโยเยสักอาทิตย์ถึงสองอาทิตย์ คุณพ่อคุณแม่ต้องอดทน ส่วนอีกแบบคือ ค่อยๆตะล่อมสลับกินหลอด กินแก้วบ้าง ให้เราไม่ติดจุกขวดนม

นอกจากนี้ผมสอบถามคุณหมอ กรณีที่ลูกผมแพ้นมวัว นมถั่วเหลือง อาหารทะเล ไข่ขาว ไข่แดง ถั่ว คุณหมอก็ยังยืนยันและแนะนำว่า เด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป ควรให้ทานอาหารครบ 5 หมู่ มากกว่าการให้นม อาจจะเพราะเราติดการให้นมมาตั้งแต่เด็ก แถมคุณหมอที่รักษานลินก็บอกให้ลูกเราทานนมไปตลอด คุณหมอพงษ์ศักดิ์บอกว่า เราต้องคิดว่า นมคืออาหารเสริม ไม่ใช่อาหารหลักของเด็ก เด็กทานนมมาก จะทานอาหารได้น้อย แนะนำให้ทานเนื้อสัตว์ สำหรับกรณีลูกผม คุณหมอแนะนำให้ทานนมจนครบ 2 ปี แล้วเด็กจะปรับตัวได้มากขึ้น มีพัฒนาการภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น ตอนนี้ผมเริ่มให้นมถั่วเหลือง แต่ยังไม่สามารถทานนมวัวได้ อาการแพ้ไม่มากคือ ท้องเสีย ผื่นขึ้น ต้องคอยดูไปจนกว่าลูกจะมีภูมิคุ้มกันทานนมวัวได้ แต่ตอนนี้ทานนมกระป๋อง ตอนนี้ลูกผมทาน Nutramigen คุณหมอแนะนำให้ทานไปก่อนจนครบ 2 ปีแล้วค่อยๆลดลง

ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ และพฤติกรรม คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล