ทุกข์ของคนกรุงเทพ

ใกล้ถึงเวลาเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บรรดาผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต่างก็เริ่มหาเสียงมาจนเราพอจำเลขประจำตัวผู้สมัครได้แล้ว มีนโยบายต่างๆมากมาย ที่หวังจะทำให้กรุงเทพดีขึ้น แต่รู้ไหมว่า ที่แท้จริงแล้ว คนกรุงเทพทุกข์เรื่องอะไร

สำหรับผม ในฐานะที่เป็นคนกรุงเทพแต่กำเนิด อาศัยอยู่ย่านบางเขนมาตั้งแต่เด็ก จนแต่งงานมีลูกที่เขตจอมทอง (ฮาาาา) ทุกข์ของคนกรุงเทพอย่างผม ไม่ใช่สิ จะเรียกว่าเป็นความเคยชินก็แล้วกัน

ใครที่เป็นคนกรุงเทพตั้งแต่กำเนิด หรือคนอื่นๆลองคิดตามผมนะครับ ตั้งแต่เด็ก คนกรุงเทพทุกข์อะไรบ้าง รถติด? คือผมเกิดมา รถมันไม่ติดมากขนาดนี้ รู้แค่ว่า อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ (อนุสาวรีย์หลักสี่) รถติด รู้แค่ว่า รามอินทรา กม.8 รถติด แต่มันไม่ใช่ติดมากขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ (ตอนสมัยประถม) ตื่นตี 5 กินข้าว ออกจากบ้าน 5.45 – 6 โมง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถึงโรงเรียนเบญจมินทร์ ถนนสุขาภิบาล 1 (สมัยนี้คือถนนนวมินทร์) เดินทางจากบ้านพักอาจารย์ มศว.บางเขน

ทุกข์อย่างแรกของคนกรุงเทพคือ “รถติด” อันนี้ไม่ต้องโทษใคร เพราะเกิดมารถก็ติดแล้ว (ฮาาา) แต่สุดท้ายมันก็คือความเคยชิน ที่สมัยก่อนเรานั่งในรถติดก็ฟังวิทยุในรถ ไม่ได้มี Social Media ให้บ่นแบบสมัยนี้

เห็นนโยบายผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ขายฝัน ทำไมผมถึงเรียกว่าขายฝัน เพราะผมจำได้ว่า สมัยเด็กๆ ยังไม่รู้เรื่อง เคยบอกให้พ่อแม่เลือกลุงจำอง เคยชอบด๊อกเตอร์พิจิตร ถามว่าชีวิตผมดีขึ้นไหม ไม่อ่ะ ปกติ รถติดมันก็ติดมาตั้งนานแล้ว

เห็นมีหลายนโยบาย บอกว่าจะสร้างโน่น สร้างนี่ จริงๆผมไม่ได้ขัดอะไรกับนโยบายนะ เพราะสุดท้าย ชีวิตเราก็อยู่บนรถทั้งวันนั่นแหล่ะ จะสร้างอะไรก็ได้ใช้ตอนแก่อ่ะนะ แต่สิ่งที่ทำให้คลายทุกข์คนกรุงเทพอย่างผมก็คือ รถตู้โดยสาร ที่ทำให้ไม่ต้องยืนเมื่อยบนรถเมล์ สมัยก่อนผมทันรถเมล์ 2 ชั้นด้วย ทัน ปอ.12 ด้วย เพราะไปตรวจสายตาที่โรงพยาบาลรามาฯประจำ ตอนนั้นรถติดยังไงผมไม่รู้หรอก คุณแม่พาขึ้นรถเมล์ไปโรงพยาบาล เพราะคุณพ่อไปทำงาน แต่อย่างน้อย ประถม และมัธยม คุณพ่อผมไปส่งผม แล้ววนกลับไปรับคุณแม่ที่บ้่านไปทำงานทัน 8 โมง – 8 โมงครึ่งแล้วกัน

คนกรุงเทพทุกข์อะไรบ้าง? จริงอยู่ว่าคนกรุงเทพทุกข์ไม่เหมือนกัน ผมทุกข์กับรถติด โชคดีที่มีรถไฟฟ้า BTS ทำให้เราไม่ต้องตื่นเช้ามากเหมือนแต่ก่อน สมัยก่อน 6.00 – 6.30น. ต้องขึ้นรถแล้ว ชีวิตคนกรุงเทพอายุ 30 ต้นๆแบบผม ก็คิดดูแล้วกันว่า 30 ปีนิดๆที่ผมอยู่กรุงเทพ มีอะไรที่พัฒนาไปบ้าง เกิดทันเสาโฮปเวลล์ ทันรถไฟฟ้าสายแรก กรุงเทพมหานครพัฒนาขึ้นมากมาย แต่วินัยคนกลับแย่ลง คนมักจะมองว่า คนกรุงเทพไม่มีน้ำใจ พอมีน้ำใจก็เกิดมีคนเข้าใจผิด ทำให้ภาพของคนอื่นๆ มองคนกรุงเทพเอาแต่ได้ ไม่มีน้ำใจ แต่ผมอยากจะบอกว่า หลายๆความทุกข์ คนกรุงเทพอย่างผมชินแล้วครับ

ปัญหาที่ผมทุกข์ในกรุงเทพ เรียงตามลำดับความน่ารำคาญ แต่ผมว่า ว่าที่ผู้ว่ากทม.ควรคิดว่า ทำยังไงให้ชีวิตของคนกรุงเทพ ดีขึ้น

1. Taxi ปฏิเสธผู้โดยสาร อันนี้อันดับหนึ่งแบบ Bangkok Only ไปจนถึง Thailand Only เลย และอย่าว่ามาโครงการรถคันแรกเลย เพราะเหตุแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อรถคันแรกด้วยซ้ำ (ถ้าใครดูภาพยนตร์เรื่อง ยอดมนุษย์เงินเดือนจะเห็นว่า ทำไมถึงอยากมีรถ เพราะการสัญจรบนรถสาธารณะนั้นไม่ปลอดภัย รวมทั้งแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร และแท็กซี่ก่อเหตุจี้ ปล้น ชิงทรัพย์นี่แหล่ะ

1.1 นอกจากแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร คนกรุงเทพ (จริงๆก็ทั่วประเทศ) เบื่อหน่ายกับตำรวจไม่รับแจ้งความ ดองคดี ทำคดีช้า และที่แย่ที่สุด ตระกูลดังหลายเหตุการณ์ก็ลอยนวลไป

2. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แม้ว่า กทม.จะติดกล้องวงจรปิด แต่คุณสังเกตไหมว่า คนกรุงเทพจะมีสัญชาตญาณในการระมัดระวังตัว ป้องกันตัว และหวาดหวั่นต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

วันนี้ผมขึ้นรถไฟฟ้า ผมคิดว่า เอ๊ะ น่าจะมีตำรวจนอกเครื่องแบบประจำในทุกโบกี้นะ น่าจะมีตำรวจนอกเครื่องแบบประจำรถเมล์ทุกคันนะ คือมันรู้สึกไม่ปลอดภัยไปซะทุกอย่าง ภัยอันตรายรอบตัว คุณผู้หญิงหลายๆคน (ยอมกัดฟัน) ซื้อรถเพราะไม่กล้าขึ้นแท็กซี่ตอนดึกๆคนเดียว นี่คือทุกข์ของคนกรุงเทพครับ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัยไง

3. ผู้สมัครผู้ว่า กทม. อยากจะทำสถานที่ออกกำลังกาย แต่ทุกวันนี้ผมไปฟิตเนสที่ฟิตเนสเฟิร์ส เห็นคุณลุง คุณป้า อาม่า มาออกกำลังกายมากมาย อาจจะเพราะไม่มีสวนสาธารณะเพียงพอในการออกกำลังกาย + จอดรถ ไม่มีสวนสาธารณะที่ใกล้รถไฟฟ้า (ตอนนี้มีแต่สวนลุม) ที่ทำให้สะดวกในการออกกำลังกาย หรืออยากจะขี่จักรยานก็กลัวจะโดนรถใหญ่สอยไป ย้อนกลับไปที่ข้อ 2 ออกกำลังกายตอนเช้าบางครั้งก็ยังมืดและเปลี่ยว ไม่ปลอดภัยอีก

ผมขอ 3 ข้อนี้แหล่ะครับ ทุกข์ของคนกรุงเทพอย่างผม ไม่ได้ต้องการอะไรเพิ่มเติม ขอแค่ “มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เอา 3 อย่างพอ แท็กซี่ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร ไปไหนก็ปลอดภัยไร้กังวล ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจกันจนกลายเป็นมองว่าไม่มีน่้ำใจ และออกกำลังกายได้อย่่างสะดวกทุกที่ ผมเชื่อในฐานะคนกรุงเทพคนหนึ่ง ที่อยากจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และอย่างที่ผมร่ายไปทั้งหมด 4 ปี ไม่เพียงพอหรอกครับ แต่อย่างน้อย ใน 30 กว่าปีที่ผมเกิดมาในกรุงเทพ อดีตผู้ว่าหลายท่านก็พัฒนากรุงเทพได้ดีครับ คุณภาพชีวิตดีกว่าเมื่อก่อนมาก ส่วนเรื่องข้าวแกงแพง ของแพงเนี่ย ไม่ต้องคิดครับ เพราะเราต้องยอมรับมันอยู่แล้ว และหลายๆความทุกข์ เราอย่กับมันจะชินและยอมรับมันได้อยู่แล้ว รถจะติด แดดจะออก น้ำจะท่วม (บ้านผมก็เจอน้ำท่วมมาแล้ว) เราปรับตัวจนชินกับมันแล้วล่ะครับ

สุดท้ายนี้ ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับว่าที่ผู้ว่ากรุงเทพครับ อย่างที่ผมขอ ขอแค่คุณภาพชีวิตคนกรุงเทพดีขึ้น เรื่องความปลอดภัยอันดับแรกครับ “ทั้งชีวิตเราดูแล” แต่กล้องพี่เป็นดัมมี่อ่ะครับ แบบนี้คนกรุงจะมั่นใจและวางใจเรื่องความปลอดภัยหรือ?

และท้ายที่สุด ผมขอรอยยิ้มคนกรุงเทพกลับมา ผมเชื่อว่า คนกรุงที่ประสบความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ชุมนุมราชประสงค์เมื่อหลายปีก่อน ความทุกข์ ความเครียดมันสั่งสมมานานแล้วครับ