ถึงเวลา “เปลี่ยน” อุปกรณ์เก็บข้อมูลจาก USB Storage เป็น Cloud แบบเต็มตัว

ผมเชื่อว่า หลายคนเคยชินกับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบ USB Storage มานาน ตั้งแต่ USB Flash Drive หรือ Thumb Drive จนมาถึง External Harddrive หรือแม้กระทั่ง SSD Hard Drive ผมเองใช้ External Harddrive เยอะมาก มีครบตั้งแต่ 80GB, 120GB 160GB, 250GB, 320GB, 500GB ที่ใช้เยอะไม่ใช่เพราะอะไร เพราะบางไดร์วไปเอามาจากการเคลมฮาร์ดไดร์วให้เพื่อน หรือโละโน้ตบุ๊กเก่าก็เลยถอดฮาร์ดไดร์วออกมาใช้ และใช้ USB Flash Drive หลายอันมาก แต่ในระยะหลังๆ 2 – 3 ปีมานี้ ผมไม่ได้ซื้อ USB Flash Drive และ External Harddrive เลย เพราะเน้นการเก็บข้อมูลออนไลน์ เริ่มจาก Skydrive ที่ใช้มาหลายปี และ Dropbox ตามมาด้วย Google Drive ที่เน้นใช้ในการทำงานที่บ้าน-ที่ทำงาน โดยวางข้อมูลไว้บน Cloud แทนการจัดเก็บบน USB Flash Drive

ยิ่งในช่วงหลังๆ ผมไปงานแถลงข่าว งานอีเว้นต์ต่างๆก็ได้ของแจกเป็น USB Flash Drive ไม่ว่าจะเป็นของ Google, BlackBerry, HP, Toshiba และล่าสุด TruemoveH ทำให้ผมมี USB Flash Drive ไว้สำรองใช้งาน ตอนที่เอาโน้ตบุ๊กมาทดสอบ แล้วล้างเครื่องคืนก็เอาข้อมูลเก็บไว้บน USB Flash Drive และ External Harddrive เนี่ยแหล่ะ ส่วนงานต่างๆ ผมใช้ Cloud ไม่ว่าจะเป็นการร่างดร๊าฟบล็อกผ่าน Evernote การเก็บข้อมูลงานผ่าน Google Drive ในการ Sync การทำงานคอมที่บ้านและโน้ตบุ๊กที่ออฟฟิศ ทำให้ผมลดภาระในการแบกโน้ตบุ๊กบ้านและที่ทำงานได้

ผมเอา Cloud มาช่วยในการย้ายข้อมูล เก็บข้อมูล ทำให้ลดการแบกโน้ตบุ๊กลง โชคดีที่งานของผมทำออนไลน์ได้ ทำให้การนำเอา Cloud มาใช้ ไม่มีปัญหา แต่อย่างไรก็ตาม จะบอกว่าเลิกใช้ USB Storage ซะทีเดียวก็คงไม่ได้ เพราะการนำไฟล์จากเครื่องคนอื่นมาใช้ ก็จำเป็นต้องใช้ USB Flash Drive อยู่ดี มีเหตุการณ์หนึ่งที่ USB Flash Drive ช่วยชีวิตได้มาก คือผมไปงานแถลงข่าว TruemoveH เปิดตัว Samsung Galaxy Note 10.1 ซึ่งผมก็ถูกขอให้ไปนั่งเป็นแบบให้ถ่ายรูป โดยมีช่างภาพวาดบน Samsung Galaxy Note 10.1 เลย พอช่างภาพเอา Samsung Galaxy Note 10.1 ยื่นให้พนักงานอีกคนพรินต์ภาพ ผมก็อยากจะได้ไฟล์ภาพวาดไว้เป็นที่ระลึก เจ้าหน้าที่นำภาพจาก Note 10.1 มาใส่คอมพิวเตอร์เครื่องที่พรินต์ภาพ โดยต่อผ่าน USB ผมจึงขอก้อปปี้ภาพต้นฉบับไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ มองผมที่ถือ iPhone4 อยู่ แล้วพูดว่า “iPhone พี่ส่ง Bluetooth ไม่ได้นะครับ” แป่ววว กรรมของคนใช้ iPhone ละ ทางแก้ตอนนั้น ต่อรองเขา ขอให้ส่งเมล์ให้ผม เขาตอบว่า ไม่ได้ต่อเน็ตครับ ทางแก้ของผมคือ หยิบ USB Flash Drive ที่เพิ่งได้รับแจกจาก TruemoveH มาก้อปปี้ภาพจากคอมพิวเตอร์ ตอนนี่โครตอายเลย ใช้ iPhone เข้างาน Samsung แล้วดันรับส่งไฟล์ผ่าน Bluetooth ไม่ได้ เวรกรรม

มาต่อกันที่ Cloud กันบ้าง Skydrive ผมขอพื้นที่ฟรีไว้ จาก 7GB ได้พื้นที่ฟรีเป็น 25GB ส่วน Google Drive เพิ่งจะต่ออายุแบบเสียเงิน เดือนละ $2.49 ใช้งานได้ 25GB [Google Drive + Picasa] และ Dropbox 42.38 GB รวมๆกันก็ร่วมๆร้อยกิ๊กแล้วล่ะครับ

จากโพสของคุณ Ponlawat (@igimme) บอกว่า Skydrive ราคาถูกมาก ตอนที่ผมตัดสินใจจะซื้อ Google Drive ผมก็ไม่ได้ดูราคา Skydrive คิดถูกแล้วที่ผมซื้อแค่ 25GB $2.49 เพราะผมมีทั้ง Dropbox + Skydrive ก็ร่วมๆ 80GB แล้ว

ผมเลยมองว่า เอ๊ะ ตอนนี้่ ถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะเปลี่ยนจาก USB Storage ไปเป็น Cloud แต่สำหรับผม ยังไงก็คงต้องติด USB Flash Drive ไว้กับตัวสำรองไว้เผื่อฉุกเฉิน ก้อปไฟล์อะไรได้ง่าย ส่วน Cloud อาจจะต้องพึ่งอินเทอร์เน็ต หรือเราต้องไปใช้เครื่องคนอื่นล็อกอิน Cloud ของเรา แล้วอัพโหลดขึ้น อันนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะงานแล้วล่ะครับ ตอนนี้ USB Flash Drive ของผมใช้พักไฟล์ คือก้อปไฟล์ แล้วเอามาลงคอมที่บ้าน หรือเวลามี Presentation ก็ใส่ไว้เผื่อฉุกเฉินเน็ตโหลดไม่ได้ ยังไงผมมองว่า USB Storage ไม่ได้หายไปไหน ส่วน External Harddrive ผมใช้ถ่ายโอนข้อมูลเยอะๆ อย่างเช่นตอนจะลง Windows ใหม่ แต่ไม่ได้พกแล้ว ส่วนรูปภาพ เก็บบนโน้ตบุ๊ก โดยโอนถ่ายข้อมูลจาก iPhone มาลงคอมโดยผ่าน USB ถ้ารูปไม่เยอะ ก็ใช้ Dropbox หรือส่งเมล์หาอีกเมล์สำรอง ยังไงเราก็ยังต้องพึ่ง USB Storage เพราะยังพึ่ง Cloud อย่างเดียวไม่ได้ การทำงานร่วมกับคนอื่นๆ บางทีก็ต้องใช้ USB Storage อยู่ เพราะบางคนไม่มี Dropbox ไม่มี Skydrive (จริงๆทุกคนที่มี Microsoft Account มี Skydrive แหล่ะ แต่ดันไม่ได้ใช้งาน) ส่วนใครใช้ Google คงจะชอบ Google Drive แบบผม อ่อ ตอนนี้ผมยังมองว่า USB Flash Drive เริ่มต้น 4GB ยังน่าสนใจนะครับ ราคาแค่ 160 บาทโดยประมาณ 8GB 2 ร้อยกว่าบาท (ปีทีแล้วผมซื้อให้แฟน 8GB ราคา 7-8 ร้อย) ตอนนี้ 16GB ราคา 6 ร้อยกว่าบาทเอง

แล้วคุณล่ะครับ มีมุมมองเกี่ยวกับ USB Storage & Cloud อย่างไร?