รู้ลึก รู้จริง กับรูปแบบการบีบอัดไฟล์วีดีโอ MPEG

รู้ลึก รู้จริง กับรูปแบบการบีบอัดไฟล์วีดีโอ MPEG
 
รู้จักกับไฟล์วีดีโอ MPEG
ไฟล์วีดีโอ MPEG ย่อมาจาก Moving Picture Experts Group โดยอ่านออกเสียงว่า m-peg (เอ็ม-เปค) โดยเป็นรูปแบบของการบีบอัดไฟล์ภาพวีดีโอซึ่งได้รับการพัฒนาให้เป็นมาตรฐานโดยกลุ่มนี้ ซึ่งรูปแบบไฟล์วีดีโอที่ได้รับการบีบอัดในแบบ MPEG จะมีคุณภาพในการแสดงภาพที่ดีกว่าวีดีโอโดยไฟล์ในรูปแบบ MPEG จะถอดรหัสโดยใช้ความสามารถของฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์  
 
โดยไฟล์วีดีโอในแบบ MPEG ได้รับการบีบอัดโดยใช้หลักการบีบอัดจากอัตราการเล่นภาพเป็นเฟรมๆ แทนที่จะบันทึกภาพในทุกๆเฟรมซึ่งทำให้ต้องใช้เนื้อที่ในการเก็บมาก การบีบอัดไฟล์แบบ MPEG ได้รับการบีบอัดข้อมูลโดยการเข้ารหัสที่เรียกว่า DCT โดยไฟล์ในแบบ MPEG อาจมีการสูญเสียข้อมูลบางส่วนจากการบีบอัด แต่ก็เป็นส่วนน้อยมากโดยที่ตาเรามองไม่เห็นและไม่สามารถสังเกตได้
 
รู้จักกับรูปแบบการบีบอัดไฟล์ในมาตรฐาน MPEG 3 รูปแบบ คือ MPEG-1, MPEG-2 และ MPEG-4
 
MPEG-1 เรียกกันง่ายคือ Video CD
โดยปกติแล้วการรับชมภาพยนตร์จากแผ่นซีดี หรือที่เรียกกันติดปากว่าวีดีโอซีดี (VCD) นั้น จะเป็นรูปแบบการบีบอัดไฟล์ในมาตรฐาน MPEG-1 ที่มีความละเอียดของภาพที่ 352 X 240 ที่ 30 เฟรมต่อวินาที (fps) ซึ่งเปรียบได้กับคุณภาพการแสดงผลวีดีโอแบบ VCR video
 
MPEG-2 เข้าใจง่ายๆคือ DVD
ถัดมา เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการบีบอัดไฟล์ที่ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีการบีบอัดมากขึ้น MPEG-2 มีความละเอียดมากขึ้น นั่นหมายถึงภาพที่ออกมามีสัดส่วนที่ใหญ่ขึ้นเท่ากับ 720x480 และ 1280x720 ที่ 60 fps โดยคุณภาพเสียงเทียบเท่ากับซีดี ซึ่งมาตรฐานนี้เป็นที่ยอมรับและสามารถเล่นบนหน้าจอโทรทัศน์ในรูปแบบมาตรฐาน NTSC หรือแม้แต่ HDTV ได้ ซึ่งถ้าเทียบกันแล้ว รูปแบบ MPEG-2 เป็นรูปแบบของวีดีโอในแผ่น DVD-ROM โดยรูปแบบ MPEG-2 สามารถบีบอัดไฟล์วีดีโอความยาว 2 ชั่วโมงได้โดยใช้ขนาดไฟล์ในการบันทึกเพียง 23 กิ๊กกะไบท์เท่านั้น ในขณะเดียวกันการอ่านค่ารหัสไฟล์ MPEG-2 ต้องการเทคโนโลยีที่รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอในรูปแบบนี้ด้วย ซึ่งไฟล์ MPEG-2 ต้องใช้เทคโนโลยีในการเข้ารหัสที่สูงกว่า
 
MPEG-1 Layer 3
มาถึงรูปแบบของไฟล์อีกแบบ หลายๆคนอาจสงสัยว่าทำไมเป็น MPEG 1, 2 แล้วข้ามมาที่เลข 4 เลย แล้ว MPEG-3 ล่ะ อันที่จริงแล้ว MPEG-1 Layer-3 ที่เราเรียกว่า MP3 หลายๆคนคงถึงบางอ้อว่าเป็นรูปแบบการบีบอัดข้อมูลเสียง นั่นคือเพลงในรูปแบบ MP3 นั่นเอง
 
MPEG-4
ส่วนรูปแบบของ MPEG-4 นับว่าเป็นรูปแบบที่ทันสมัยโดยใช้หลักการบีบอัด การเข้ารหัสกราฟิกและวีดีโอในแบบอัลกอริทึ่ม ที่ได้รับการพัฒนามาจาก MPEG-1 และ MPEG-2 และเทคโนโลยีของ Apple QuickTime โดยไฟล์ที่ได้รับการบีบอัดในรูปแบบ Wavelet-based MPEG-4 จะมีขนาดเล็กกว่า JPEG หรือไฟล์ QuickTime ซึ่งเป็นผลมาจากการลดขนาดช่วงกว้างของแบนด์วิท และรวมเอาไฟล์วีดีโอกับข้อความ กราฟิกเข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังได้รวมเอาแอนิมาชั่น 2-D และ 3-D ไว้ด้วย รูปแบบไฟล์ MPEG-4 ถือว่าเป็นมาตรฐานในเดือนตุลาคม 1998 โดยการรับรองจาก ISO/IEC เลขที่ 14496
 
ข้อมูลจาก www.mpeg.org